จากเจ้าคุณ 2 ปี ก็เลิกกิจการ สืบเนื่องมาจากโดนยึดที่ดิแหละนคืน จึงได้ย้ายไปทำงานที่สวนอาหารบัวตอง ซึ่งก็อยู่ติดกันนะ เพียงแค่เดินเข้าไปอีกหน่อยก็ถึงแล้ว เป็นพนักงานเสริฟ ก็มีหน้าที่ให้บริการลูกค้าในโต๊ะที่เรารับผิดชอบ ก็ทำอย่างสุดฝีมือ บริการทุกอย่าง ถูกต้อง รวดเร็ว ฉับไว ทันใจ และเต็มใจบริการ ทำอยู่ 6 เดือน หัวหน้างานคงจะเห็นถึงความตั้งใจ จึงได้แต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยกัปตัน ก็มีหน้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งนอกจากเราจะดูแลโต๊ะที่เรารับผิดชอบแล้ว เรายังต้องรับผิดชอบดูแลภายในโซนนั้นๆด้วย ก็สนุกนะ ชีวิตได้รสชาติ และมีสีสันด้วย
และในช่วงนี้เอง ชีวิตก็รู้สึกว่าเปลี่ยนไป จากคนที่ไม่เคยเกี่ยวข้องกับอบายมุข ก็มาเป็น ณ ที่ ตรงนี้ เหล้าบุหรี่สนุ๊กเกอร์ ทำเป็นทุกอย่วยาง เรียกว่าสิ่งแวดล้อมพาไป สิ่งยั่วยุมันเยอะ หลังจากเลิกงานประมาณ 5-6 ทุ่ม เพื่อนๆก็ชวนแล้ว ไปแทงสนุ๊กเกอร์ ไอ้เราไม่เคย ก็ลองดู ลองแล้วก็ติดใจ ซึ่งในร้านสนุ๊กเกอร์ก็มีทั้งเหล้า บุหรี่ และอื่นๆอีกเพียบ ชีวิตตช่วงนี้ก็รู้สึกว่าจะเข้าทำนองของบทเพลงที่ว่า " หลงแสงสีวิไล อยู่ที่ในบางกอก หรือลืมวัวควาย เคยไถนาบ้านนอก ไอ้ทุยมันไม่เคยหลอก ไม่ลืมจอกลืมแหน " ทุกคืนทุกวันก็จะวนเวียนอยู่กับสิ่งนี้ นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ต้องเรียนมหาวิทยาลัยรามคำแหงถึง 6 ปี เศษ
ทำงานจากผู้ช่วยกัปตันมาไม่นานก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกัปตันเต็มตัว ทำหน้าที่ดูแลพนักงานเสริฟในส่วนของโซนเรา ก็มีประมาณ 10 คน ไม่ได้เสริฟแล้ว ดูแลทั่วๆไปทุกๆเรื่อง เดินดูความเรียบร้อยตามโต๊ะต่างๆ โต๊ะไหนมีปัญหา พนักงานเสริฟเครียร์ไม่ได้เราก็เข้าไปช่วย สำคัญเลยคือ การรับออเดอร์จากแขก เราต้องเชียร์อาหารเก่ง แนะนำอาหารได้ ก็รู้สึกว่าเราทำหน้าที่ได้ราบรื่นดี สองปีที่อยู่สวนอาหารบัวตองแห่งนี้ ก็ได้รู้จักรสชาติของชีวิตหลากหลายยิ่งขึ้น ซึ่งก็มีทั้งดีและไม่ดีสลับกันไป สิ่งไหนที่ดีเราก็นำมาใช้ในชีวิตประจำวันของเรา สิ่งไหนที่ไม่ดีเราก็ละวาง แต่กว่าจะตั้งหลักได้ก็ใช้เวลามากพอสมควร ซึ่งสิ่งสำคัญและเป้าหมายในชีวิตของเราคือ การเรียนให้จบปริญญา ซึ่งคุณพ่อท่านได้พร่ำสอนอยู่เสมอว่า " มีวิชา เหมือนมีทรัพย์ อยู่นับแสน " เพราะคำสอนของพ่อแท้ จึงมีวันนี้ ขอบคุณคุณพ่อนะครับ....อ้าว จบไปอีกตอนแล้วเหรอ ขอบคุณที่ติดตามนะครับ ตอนต่อไปชื่อตอนว่า " Rhino Music House (ผับ) " เร็วๆนี้ โปรดติดตาม