กว่าจะมาเป็น...(ตอนที่ 11) สวนอาหารนาทอง...ก่อนจบ
ทำงานอยู่ Rhino Music Hose ย่านซอยทองหล่ออยู่หกเดือน รายได้ก็ดีนะ แต่เสียหายมากเลยในเรื่องของการศึกษาเล่าเรียน มาคิดพิจารณาดูแล้ว ถ้าหากว่ายังทำงานอยู่ที่นี่แล้วล่ะก็ ไม่แคล้วเรียนไม่จบแน่นอน อย่ากระนั้นเลย เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า ลาแล้วหนาบ้านเก่า...เปลี่ยนงานดีกว่า คิดแล้วไม่รอช้า ลาออกจาก Rhino ไปสมัครงานที่สวนอาหารนาทอง ก็อยู่ในย่านถนนรัชดาภิเษกนะแหละ เป็นพนักงานเสริฟ(ถนัดอยู่แล้ว)
ปกติสวนอาหารจะเข้างานสี่โมงเย็นเลิกสี่ทุ่ม กว่าจะเก็บของเสร็จก็ปาเข้าไปห้าทุ่มโน่นแหละ และที่นี่นี่เองทำให้ชีวิตกลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง....ซึ่งชีวิตช่วงนี้จะวนเวียนอยู่สามที่คือ หนึ่งที่ทำงาน สองที่ห้องพัก และสามที่มหาวิทยาลัย เลิกงานกลับบ้านอาบน้ำอาบท่าอ่านหนังสือ นอน ตื่นเช้าประมาณเจ็ดโมงอาบน้ำแต่งตัวไปเรียน เข้าเช้าไม่ต้องทานกันล่ะ ทำไมนะเหรอ...ตังค์ไม่มีงัย ส่วนข้าวเที่ยงทานเป็นบางวัน(วันที่มีตังค์) วันไหนไม่ได้ทานข้าวก็อาศัยน้ำประปาดื่มประทังชีวิต ส่วนตังค์ที่มีอันน้อยนิด เก็บไว้เป็นค่ารถ ค่าเช่าห้อง ค่าเทอม ค่าหนังสือ ซึ่งในช่วงนี้ก็มุมานะ ตั้งใจเรียน ขยัน ตั้งใจมาก และวิชาที่เรียนในช่วงนี้ก็เป็นวิชาที่ต้องอาศัยทักษะในการฝึกปฏิบัติทั้งนั้นเลย เป็นต้นว่า วอลเล่ย์บอล ฟุตบอล บาสเก็ตบอล เซปักตะกร้อ มวยสากล ว่ายน้ำ กระบี่กระบอง ลีลาศ กิจกรรมเข้าจังหวะ เทเบิลเทนนิส ยูโด ซึ่งวิชาเหล่านี้ต้องฝึกทักษะหนักมาก และเราต้องไปเรียนทุกครั้ง มีการเช็คเวลาเรียนด้วย มีการสอบทักษะในขณะเรียน(หากว่าไม่ไปเรียนจะไม่จบแน่ๆ) ก็คลุกคลีกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในรุ่นเดียวกันนี้สิบกว่าคน....
แเละแล้ววันแห่งการรอคอยก็มาถึง จำได้ติดตาว่าลงเรียนภาคฤดูร้อนสองวิชา หนึ่งคือ ภาษาอังกฤษพื้นฐาน2 และสอง วอลเล่ย์บอล ซึ่งสองวิชานี้จำได้ว่าลงทะเบียนเรียนไม่ต่ำกว่าสี่ห้าครั้ง ครั้งนี้รู้สึกว่าจะตั้งใจมากเป็นพิเศษ ตั้งปณิธานไว้ว่าสองวิชานี้ ต้องเอาให้จบในซัมเมอร์นี้แน่นอน จะได้เป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล(ช่วงนั้นเรียนป.ตรีคนเดียวในบ้าน) ภาษาอังกฤษก็มุมานะอ่านหนังสือ ไปไหนก็ถือชีทไปด้วย ส่วนวอลเล่ย์บอลก็ไปเรียนไม่เคยขาด ส่งผลให้ประสบความสำเร็จจนได้...ซึ่งต้องใช้เวลาเรียนบ้างไม่เรียนบ้าง ตั้งกะปี 2531 จนถึงปี 2537 ก็เป็นเวลากว่า 6 ปี...แต่ก็เป็นหกปีที่ภาคภูมิใจที่ หนึ่ง เราเรียนจบ สองเป็นคนแรกของตระกูล สามหาเงินเรียนเอง สี่ได้ประสบการณือันล้ำค่า
หลังจากเรียนจบก็รอรับปริญญา ไปไหนล่ะทีนี้...มีอาจารย์แนะนำให้ไปเป็นอาจารย์สอนชั่วคราว จึงเป็นที่มาของเรื่อง " มัธยมวัดมกุฎกษัตรย์ " จะเป็นยังงัยโปรดติดตาม ในแวดวงการศึกษา