กว่าจะมาเป็น...(ตอนที่ 10) Rhino Music House
ตั้งอยู่ ณ ซอยทองหล่อ ถนนเอกมัย สำนักงานเขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร เป็นผับ เปิดสองทุ่มถึงตีห้า...สมัยก่อนเปิดได้ถึงตีห้า ไม่มใช่ตีสองอย่างทุกวันนี้ ทำอยู่แผนกเครื่องดื่ม มีหน้าที่ชงเครื่องดื่มให้กับแขกที่มาเที่ยว และดูแลห้องเก็บเหล้า เข้างานประมาณหนึ่งทุ่ม จัดเตรียมเครื่องดื่มสำหรับแขกที่จะมาเที่ยว ซึ่งขอบอกว่า เต็มทุกที่ ทุกที่นั่ง ทุกวันด้วย รูปแบบของร้านก็จะแบบว่า เจดี เอ๊ย...ดีเจจะเปิดเพลง แขกก็จะเต้นตามโต๊ะของตัวเอง อาหารและเครื่องดื่มแพงมาก เคื่องดื่มแก้วละร้อยบาทขาดตัว อาหารตกจานละหลายร้อย ซึ่งเครื่องดื่มถ้าหากว่าแขกซื้อเป็นขวด แล้วดื่มไม่หมดก็จะฝากเอาไว้ โดยจะมีห้องเก็บโดยเฉพาะ วิธีการก็คือ จะเขียนชื่อ วัน เดือน ปีที่มาดื่มกิน ปริมาณที่เหลือ ทำเป็นสองใบ ใบที่หนึ่งจะติดไว้ข้างขวด อีกใบจะให้ลูกค้าเก็บไว้เป็นหลักฐานในการเบิกมาดื่มในครั้งต่อไป
จากสวนอาหาร มาทำงานผับ ลักษณะของการบริการจะเปลี่ยนแปลงไป เวลาก็เปลี่ยน ต้องปรับตัวอยู่พอสมควร ทั้งในเรื่องของเวลาพักผ่อน เรื่องของการศึกษาเล่าเรียน เรื่องของการทานอาหาร ลำบากนะ ยังงัยนะเหรอ....ตามมา
***เลิกงานตีห้า แรกๆไม่ไปไหน ก็กลับบ้านนอน ตื่นซักเที่ยง อาบน้ำ ทานขาว หากว่ามีชั่วโมงเรียนก็ไปเรียน หากไม่มีก็อยู่เฝ้าห้อง
***ทีนี้ทำงานนนานๆเข้า ชักจะมีเพื่อนเยอะ บ้านช่องห้องหอเริ่มไม่กลับแล้ว โน่น...นัดกันไปโต๊ะสนุ๊กเกอร์ เล่นตั้งกะเลิกงาน ยันทำงนอีกครั้ง โต๊ะสนุ๊กเกอร์จะเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เรื่องเรียนเหรอ ไม่ต้องพูดถึง เรียกว่าลืมไปเลยน่ะแหละ ข้าวก็ทานในโต๊ะสนุ๊กเกอร์ ทานไปด้วย แทงไปด้วย ง่วงมากๆก็นอนมันในโต๊ะสนุ๊กนะแหละ อาบน้ำที่ทำงาน นี่ล่ะชีวิตวัยรุ่น ก็หมุนเวียนกันไปตามประสาคนทำงาน...ในวัยเรียน (ไปเรื่อยๆ มาเรียงๆ นกบินเฉียงไปทั้งหมู่ ตัวเดียวมาไร้คู่ เหมือนพี่อยู่เพียงเอกา)
***ตอนนี้พักอยู่หอพักหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง หัวหมาก มีน้องชายมาอยู่ด้วย ชื่อสุพัฒน์ กับเพื่อนอีกคนชื่ออุดม อินทร์ขุนจิต คนพัทลุง เรียนรามเหมือนกัน แต่คนละคณะ ส่วนน้องเรียนจบมัธยมหก เข้ากรุงเทพมาเรียนรามฯเช่นเดียวกัน ส่วนงานก็พาไปสมัครทำที่เดียวกันนี่แหละ เป็นพนักงานเสริฟ
.....เบื่อยังครับ จบตอนนี้ก่อน ไว้คราวต่อไป ชื่อตอนว่า...นาทอง ก่อนจบ...จะเป็นยังงัยนั้นโปรดติดตาม.....