ตอนที่ 4 มัธยมไกลบ้าน โรงเรียนของหนูอยู่ไกล ไกล ไกล
อยากให้คุณๆหันมอง โรงเรียนของหนู
ขณะนี้ชีวิตก็ได้เข้ามาอยู่ในตัวอำเภอแล้ว ก็อาศัยอยู่กับเถ้าแก่ขายของชำนะแหละ บอกไว้ก่อน..อยู่กับคนรวยใช่ว่าจะสุขสบายนะ ต้องทำทุกอย่างที่เด็กพึงทำได้(เกินเด็ก) ซักผ้า หุงข้าว ล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้าน ขายของ เลี้ยงน้อง และอื่นๆอีก(คิดถึง กบ เขียด ปลา และ ฯ ที่บ้านนอกจัง) แล้วถามว่าทำได้มั้ย..ได้ซิ ยังงัยก็ผ่านมาหมดแล้ว ทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว ไม่มีปัญหา แต่..ปัญหามันอยู่ที่ว่า เราเป็นเด็ก ความคิดความอ่านเรายังก้าวไปไม่ไกล ก็ไม่รู้ว่าจะทนได้นานแค่ใหน ยังงัยก็ตาม ก็จะทนทำไปให้ถึงที่สุด ไม่ไหวจริงๆก็ต้องกลับไปหาปู หาปลา หากบ หาเขียด เหมือนเดิมแหละนะ ที่สุดแล้วก็ได้เรียนมัธยมสมใจ อยู่กับเถ้าแก่ในตัวอำเภอได้ปีเศษๆ รู้ตัวว่าไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวจริงๆ ก็เกินที่เด็กที่ทนๆๆๆอย่างเราจะทนไหว ไปใหน..ก็กลับบ้านซิ กลับบ้านเรา รักรออยู่ จำได้ว่าเรียนอยู่ ม. 1 เทอม 2 นี่แหละ และก็นี่ไง..มัธยมไกลบ้าน..เริ่มจากตรงนี้
ระยะทางจากบ้านมาโรงเรียนไปกลับก็ 20 กิโลเมตร มีจักรยานเก่าอยู่คัน ปั่นไปกลับเป็นประจำ น้อยครั้งจะนั่งรถโดยสาร ก็มีบางครั้งที่เดินกลับ..ถามว่าไหวหรือ ไกลนะ..ก็ต้องไหว ทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว สำหรับหน้าร้อน ก็พอทนหรอก แต่หน้าฝน และหน้าหนาวนี่ซิ ลำบากสุดๆ ทรมาณ ทรกรรม..ยังงัยเหรอ เอาหน้าฝนก่อนนะ เมื่อไหร่ที่ฝนตก ถนนก็จะเปียก ลื่น แฉะ(ดินเหนียว) หากเป็นฤดูน้ำหลากล่ะก็ โอ็โห..ด้วยความที่แถวบ้านเป็นที่ราบลุ่ม พื้นที่ต่ำ พอฝนตกมากๆเข้า น้ำไม่รู้มาจากใหน ปรากฎว่า ท่วมไปทั้งอำเภอ มองไปทางใหนก็มีแตน้ำสุดลูกหูลูกตา บริเวณบ้านก็ท่วมถึงบันไดขั้นที่ 2-3 ถนนหนทางไม่ต้องพูดถึง..ขาดเรียบร้อย การสัญจรไปมาก็ต้องใช้เรือเป็นพาหนะแทน สัตว์เลี้ยงต่างๆก็ต้องอพยพไปอยู่ในที่สูงๆ ..เฮ้อ ลำบากทั้งคนทั้งสัตว์ แล้วโรงเรียนมัธยมที่เรียนอยู่ก็ไม่หยุดนะ อ้อ..ลืมบอกชื่อโรงเรียนไป..โรงเรียนสำโรงทาบวิทยาคม อำเภอสำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์ โรงเรียนจะตั้งอยู่ในที่สูงหน่อย น้ำท่วมไม่ถึง ก็นั่งเรือไปเรียน ใช้เวลาเป็นเดือน กว่าน้ำจะลด " หนาว เริ่มเยือนมาแล้วน้อง พี่ร่ำร้องเรียกน้องบัวลอย ใครเล่าใครเค้าหมายเหม่อคอยพี่ใจลอย บัวลอยเจ้าเพื่อนยาก.." พูดถึงหน้าหนาวในชนบทแล้ว ต้องเรียกว่า " สุดๆไปเลย " ด้วยความไม่พร้อมของเครื่องนุ่งห่ม อย่าถามถึงเลยเสื้อกันหนาว ถามว่ามีเสื้อใส่มั้ยดีกว่า ถามถึงผ้าห่ม..เอาผ้าขาวม้าไปก่อนล่ะกัน แล้วนอนบนบ้านได้มั้ย..ก็ได้แต่หนาว..มาก หนาวไปถึงกระดูก เช้าก็ต้องรีบตื่น แล้วตื่นมาทำมัย ผิงไฟซิ หนาวก็ต้องผิงไฟ จะเล่าหน้าหนาวให้ฟัง หน้าหนาวนะอากาศก็จะหนาวอยู่ตลอดเวลา แล้วทำงัยจึงจะคลายหนาวได้เอากลางคืนก่อน..ถ้าหากว่านอนในบ้านผ้าห่มก็คือผ้าขาวม้าผืนเดียว มัดปมทั้ง 4 ด้าน ให้พอดีตัว เวลานอนก็ใช้ผ้าขาวม้านี่แหละห่ม พอมัดปมแล้วผ้าก็จะหลุดออกจากตัวยาก ก็จะนอนไปจนกว่าจะรู้สึกตัวตื่นน่ะแหละ แล้วหากว่าไม่นอนท่บ้านล่ะ เราจะนอนที่ใหน..ใช้ฟางข้าวงัยทำเป็นซุ้ม เข้าไปนอนในซุ้มมีผ้าขาวม้าผืนเดียวก็อุ่นแล้ว แล้วตอนเช้าล่ะ..ก็ผิงไฟงัย ผิงไฟคลายหนาว ตื่นขึ้นมาก็มีไฟเป็นเพื่อนแล้ว นั่งผิงเข้าไป สักตี 4 ตี 5 แต่หากว่าวันใหนปักเบ็ดไว้ ก็จะไปกู้เบ็ดก่อน ค่อยกลับมาผิงไฟต่อ อาบน้ำเหรอ..ฮ่า ฝันไปเถอะ อย่างมากก็ล้างหน้า ป้วนปาก ตามแขนขาเนี่ยก็จะลายพร้อย เพราะผิวแตก(ผิงไฟมาก ผิวก็จะแห้ง) เวลาไปโรงเรียนนะ ก็จะใช้น้ำอ้อยทาตามแขนขา หากมีน้ำมันมะกอกก็ใช้ หาไม่ได้จริงๆ ก็ใช้น้ำเปล่าแทน หาน้ำเปล่าไม่ทัน..ก็ใช้น้ำบ่อน้อย พอช่วงสายๆหนอยก็มีแสงแดดเป็นเพื่อน คุณครูก็จะไม่สอนในห้องเรียน เพราะคุณครูก็หนาว ก็จะลงมาสอนกลางสนาม(อาศัยไออุ่นจากแสงแดด)
นี่แหละชีวิตหน้าหนาว หนาวไปถึงตับไตใส้พุง หนาวไม่บันยะบันยัง หนาวๆๆๆๆ ชีวิตหน้าฝน น้ำก็ท่วม ชีวิตหน้าร้อน ก็แห้งแล้ง ห่อเหี่ยว น้ำตามท้องทุ่งนาแทบจะไม่มี รูปู รูหนู กว่าจะขุดได้แต่ละรูทำเอาลิ้นห้อย(ดินแข็งมาก) เป็นชิวิตที่ลำบากจริง จริ๊ง..เฮ้อ
โปรดติดตามตอนต่อไป ตอนที่ 5 วัยรุ่น..ที่เป็นเด็ก