ฉันก็เป็นเพียงแค่เด็กบ้านนอกคนหนึ่ง..ที่เข้ามาหาความศิวิไลว์ในเมืองบางกอก บ้านนอกคอกนา เลี้ยงวัว เลี้ยงควาย หากุ้ง หอย ปู ปลา กบ เขียด อึ่งอ่าง และ ฯ มาประทังชีวิต พี่น้องก็เยอะ อาศัยว่าเป็นคนสู้ชีวิต..รักการศึกษาเล่าเรียน..ชีวิตจึงได้เปลี่ยนไป.. (เขียน 28 มกราคม 2555 )
วันที่ 28 มกราคม 25545เวลา 19.37 น.
ตอนที่ 1 เด็ก เด็ด เด็ด
" สังข์ทองลูกแม่ งามแท้พ่อคุณ มาหาแม่ซิ มาหาแม่ซิ อกแม่นี้มีไออุ่น มีตักละมุน ให้ลูกหนุน ให้ลูกนอน"
โอ้..ไม่ๆๆๆๆ..ไม่ได้เกิดในหอยสังข์ รูปก็ไม่ได้หล่อสักนิดเดียว แต่กำลังจะบอกว่า เป็นคนที่เกิดมาตัวเล็กมาก ที่บ้านเค้าเรียกว่า " กะจ้อน " แถมตัวก็ดำ ผมก็หยิก หูก็กาง ตัวก็ผอม ( ครบสูตร คนขี้โรค ) แต่..โทษทีครับ ไม่เคยเจ็บ ไม่เคยไข้ ตระกูลเหรอ ก็ไม่สูงส่งหรอก เป็นตระกูล ชาวนาโดยกำเนิดน่ะ พี่น้องเยอะ 8 คนน่ะ..เยอะมั้ย ก็เป็นคนที่ 6 มีพี่สาวอยู่คน เป็นคนโต พี่ชายสี่ น้องชายสอง อาชีพ ทำนา(ที่ไม่ค่อยได้ผล) ที่บ้านน่ะพี่น้องเกิดกันปีเว้นปีเลยนะ
สมัยเด็กน่ะ รุ่นราวคราวเดียวกันต้องยอมยกนิ้วให้(ทุกเรื่อง) เค้าเรียกว่า " ตัวเล็ก แต่ใจใหญ่ หรือ เล็กดี..รสโต " เรียนไม่เคยเป็นสองรองใคร หัวหน้าห้องใครมาแย่งเป็นไม่ได้ เป็นผู้นำทุกเรื่อง ทั้งในเวลาเรียนและนอกเวลาเรียน สมัยเด็กๆนะ มีชุดเก่งอยู่ชุดเดียวจริงๆ กางเกงก้นขาด ปะแล้ว ปะอีก รองเท้าไม่ต้องไปคิดหา เท้าเปล่าตลอด จนมีฉายาในทางฟุตบอลว่า " สิงห์อีเปิ่ม "
4 - 5 ขวบหากินเป็นแล้ว ทำยังงัยได้ เพราะไม่ได้เกิดมาบนกองทอง พ่อแม่พี่น้องก็คน ประชาชนเดินดิน หากชัวิตนี้ไม่สิ้น ก็ดิ้นกันไป กุ้ง หอย ปู ปลา กบ เขียด ตั๊กแตน แมงกุดจี่ โอ๊ย..สารพัด สมัยก่อนโน้น หาง่าย อยากกินอะไรก็ได้กิน(เฉพาะที่ว่ามานะ) ปูนาขาเกนะ หน้าแล้งต้องไปขุดเอาตามรู เผลอๆขุดไปได้กบแถมมาด้วย สมัยก่อนนะ กบจะอยู่กับปูในรู ก็ไม่รู้ว่าสมัยนี้ น้องกบจะอยู่กับใครที่ใหน(ฮา) อย่างการจับตั๊กแตนนะมันต้องมีศิลปะในการจับ วิ่งไล่จับสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่มีทางได้ ( ก็เหมือนกับขี่ช้างไล่จับตั๊กแตนนั่นแหละ) อันดับแรกนะต้องหาไม้ไผ่มาสานเป็นไม้ขัดแตะ ด้ามจับก็จะยาวสัก 2 เมตรกว่าๆ ตั๊กแตนแถวบ้านจะชื่อ อีโม่ อีฝ้าย ส่วนตั๊กแตนชลดาน่ะมาทีหลัง เวลาจะจับก็จะมีเพลงร้องล่อให้มันเคลิ้มก่อน แล้วยังงัยไม่รู้นะ เวลาร้องเพลงแล้วย่องเข้าไปหา ไม่เห็นตั๊กแตนมันบินหนีไปใหน ก็ยังสงสัยว่า มันคงจะหลงใหลในเสียงเพลงซะล่ะมั้ง ตัวอย่างเพลงตั๊กแตน " อีโม่แมเขียว โตเดียวท้องไข่ ตกอยู่หนี่ ไปลี่(แอบ)อยู้ไส " ผลั๊ว..เสร็จ
แมลง..ท่านเคยกินใช่มั๊ย เป็นต้นว่า ตั๊กแตน แมงกระชอน แมงดานา ไข่มดแดง จิ้งหรีด ที่พูดมาน่ะ เคยใช่มั้ย แล้วแมลงชนิดนี้ล่ะ " กุดจี่ " งัยอึ้งล่ะซิ จะบอกว่านี่เแหละสุดยอดของโปรตีนอาหารอีสานที่ขึ้นชื่อ พอๆกับปลาร้าเลยจะบอกให้ สมกับเพลงที่ว่า " กุดจี่อยู่ใหน ๆ อยู่นี่จ๊ะๆ สุขสบายดีหรือไร สุขสบายทั้งกายและใจ ไปก่อนล่ะ..อยู่ในท้อง " อธิบายคร่าวๆ กุดจี่เป็นสัตว์ปีกตัวเล็กๆ เป็นแมลงที่อาศัยอยู่ในมูลสัตว์ จำพวก วัว ควาย โดยเฉพาะมูลของควายกุดจี่จะชอบมาก ช่วงสายๆ บ่าย หรือเย็น เราก็จะไปจับจองมูลของควายตามท้องนา ที่ชาวบ้านนำออกไปเลี้ยง ถ้าหากว่าใครเจอก็จะทำเครื่องหมายเอาไว้ ทำงัยล่ะ ก็ใช้ไม้เสียบที่มูลสัตว์ให้ปลายไม้โผล่ขึ้นมาสัก 1 ไม้บรรทัด ก็เป็นอันเสร็จ(ชื่อไม่ต้องเขียน) ทีนี้ก็เป็นเจ้าของแล้ว คนอื่นไม่มีสิทธิ์แย่งเพราะเรารู้กัน หาให้ได้สัก 5 - 6 กองก็พอแล้ว ทีนี้ก็นอนรอ ตอนเช้าๆ จ่ำอ้าวไปยังจุดหมายโดยไว ถึงปุ๊บ เขี่ยเอามูลสัตว์ออก ให้เหลือดินข้างล่าง ซึ่งดินตรงนั้นกุดจี่จะชอนไชเข้าไปอยู่ เราก็ใช้เสียมขุด มูลสัตว์กองหนึ่งก็จะได้กุดจี่เยอะพอสมควร เช้านี้ขุดสัก 5 - 6 กอง ก็ได้กับข้าวมื้อเช้าแล้ว ไชโย มื้อนี้ไม่อดแล้ว ทำอะไรกินได้บ้าง ต้มผัด แกงทอด หอมอร่อยในพริบตา ครอบครัว..กุดจี่
เล่าเรื่องมา..นี่เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นเอง ยังมีเรื่องเล่าเด็ดๆ สมัยเด็กๆอีกเยอะ ไว้คราวต่อไปจะเขียนให้อ่านอีกนะครับ