ตอนที่ 3 อุบัติเหตุก่อนมัธยม
"จบ ปอหกหยุดการเรียนไว้ มือจับหางไถ ไม่ชินเมื่อจับปากกา อยากเรียนให้สูง แต่ความจนขวางทางศึกษา เป็นคนไร้ปริญญา ภาษาจึงดูแกนๆ ความรู้ต่ำ เขียนคำว่ารักไม่หวาน สำนวนด้านๆ อย่าหันหาใครมาแทน ช่วยตอบสักน้อย อย่าปล่อยให้คอยคลอนแคลน อยากมีใจรักแน่น ทดแทนใบปริญญา"
จบ ป. 6 ภาคบังคับแล้ว ไช..โย..ไชๆๆ..โยๆๆ เย้..ดีใจจัง จำได้ดีปีนั้น ก่อนจะจบ ป. 6 ก็ได้ไปสมัครเรียนต่อ ม. 1 แล้ว ที่โรงเรียนมัธยมในตัวอำเภอ คนสอบเยอะ ก็เป็นพันแหละ ได้ลำดับที่ 3 คนที่ 1 เป็นผู้ชาย คนที่2 เป็นผู้หญิง เค้าเก่งจริงๆ ต้องยอมเค้าแหละ เราคิดว่าเราก็เป็นหนึ่งในโรงเรียนแล้ว พอมาเจอคู่ต่อสู้ทั้งอำเภอ จึงได้รู้ว่าเราต้องเรียนรู้อีกเยอะ เอ้า..จบ ป. 6 แล้ว สอบเรียนต่อมีที่เรียนเรียบร้อย ทีนี้ก็รอเปิดภาคเรียนใหม่ ในเดือนพฤษภาคม และในขณะที่รอก็ใช้ชีวิตของเด็กบ้านนอกไปตามปกติ วันๆหนึ่งก็หมดไปกับ ท้องทุ่งนา..ก็จริงแท้แน่นอน ที่นี่คือทุกสิ่งทุกอย่างในการดำเนินชีวิต เป็นแหล่งอาหาร เป็นสถานที่เพาะปลูก เป็นสถานที่เลี้ยงสัตว์ เป็นที่เล่น และอื่นๆอีกสารพัด เอาแค่เป็นแหล่งอาหารนะบรรยาย 2 ชั่วโมงยังไม่ครบเลย อยากกินอะไรเดี๋ยวจัดให้ KFC PIZZA SUKI หรือนี่เลย STEAK ที่พูดมาเนี่ยไม่มีหรอก..โถๆๆ จะให้มีได้ไงครับ สมัยก่อนเคยรู้จักที่ใหน นี่บ้านนอกท้องทุ่งนานะ ต้องนี่เลยจัดไป กิ้งก่า กบ เขียด อึ่งอ่าง กุ้ง หอย ปู ปลา น้ำเต้า เอ๊ย..ไม่ใช่ น้ำเต้าไม่มี อย่างนี้นะต้องเพลงนี้เลยจัดไป " หอมดอกผักขะแยง ยามฟ้าแดงค่ำลงมา แอ๊บๆ เขียดจะนา ร้องยามฟ้าฮ้องฮ่วนๆ เขียดโม่ เขียดขาคำ เหมือนหมอลำพากันม่วน เมฆดำลอยปั่นป่วน ฝนตกมาสู่อีสาน ปูหญ้าตีนกับแก้ ถูกฝนแลเขียวตระการ ควายทุยเสร็จจากงาน เล็มหญ้าอ่อนตามคันนา รุ่งแจ้งพอพุ่มพู ตื่นเช้าตรู่รีบออกมา เร่งรุดไถฮุดนา เร่งนำฟ้า ฟ่าวนำฝน อีสานบ้านของเฮา อาชีพเก่าแต่นานดน เอาหน้าสู้ฟ้าฝน เฮ็ดนาไร่บ่ได้เซาๆ ม่วนเอ๋ย....ม่วนเอ๋ยม่วนเสียงกบ ร้องอ๊บๆ กล่อมลำเนา ผักเม็ก ผักกะเดา ผักกะโดน และผักอีฮีน ธรรมชาติแห่งบ้านนา ฝนตกมามีของกิน ฝนแล้งแห้งแผ่นดิน ห้วยบึงหนองแห้งเหือดหาย มาเด้อมาเฮ็ดนา มาเด้อหล่าอย่าลืมควาย นับวันซิกลับกลาย บ่าวชาวไหลเข้าเมืองกรุง เสียงแคนกล่อมเสียงซุง ตุ้งลุ่งตุง แล่นแตรลุ่งตุง เสียงแคนกล่อมเสียงซอ อ้อนแล้วอ๊๋อ อ้อนอี๋แล้วอ้อ มาเด้อมาซอยกันซอ อีสานน้อ...บ้านของเฮา "เป็นงัยครับ เห็นภาพชัดเจนมั้ยล่ะ
และแล้ว...วันนั้นก็มาถึงจนได้ มีเพื่อนๆมาป่าวประกาศบอกว่า คืนนี้จะมีหนังมาฉายในตัวอำเภอ สมัยก่อนกำลังดังเลย เรื่อง " จ้าวพายุ " เคยได้ยินมั้ย ก็ความที่เป็นเด็กดี เด็กเรียน ร้อยวันพันปีไม่เคยไปเที่ยวใหนไกลกว่าที่อยู่ในตำบลเลย..ผ่าซิ วันนั้นไม่รู้เป็นอะไรรบเร้าพี่ชายอยากไปด้วย พี่ชายก็ดันใจดีอนุญาต พอตกเย็น ก็เดินไปขึ้นรถสองแถวที่สี่แยกซึ่งห่างจากหมู่บ้าน 1 กิโลเมตร สักทุ่มหนึ่งรถสองแถวก็แล่นมา สภาพรถสองแถวสมัยโน้นนะ เป็รถ 6 ล้อมีหลังคาขึ้นไปนั่งได้ เมื่อรถแล่นมาถึงสี่แยก รถก็ไม่จอดเพียงแต่ชลอให้คนขึ้นได้เท่านั้น ซึ่งในรถคนก็นั่งกันเต็มแล้ว ยังเหลือบนหลังคาที่พอจะอาศัยไปได้ ทุกคนก็กระโดดขึ้นด้านข้างของรถปีนขึ้นไปนั่งได้เรียบร้อย..ยกเว้น..ตุ๊บ..โครม..ความที่เป็นคนตัวเล็กมาก จะกระโดดขึ้นข้างรถเหมือนคนอื่นๆเค้า แต่กระโดดไม่ถึง ผลก็คือตกลงมาถูกรถทับขาขวาทั้งแถบ หักตั้งแต่ขาช่วงบนยันช่วงล่าง ผู้คนแตกตื่นกันใหญ่ ตกลงคืนนั้นแทนที่จะได้ไปดูหนัง..กลับได้ไปอยู่ที่โรงพยาบาลแทน..เฮ้อ เวรกรรม และกว่าจะไปถึงโรงพยาบาลประจำจังหวัดนะ ระยะทาง 60 กิโลเมตร ทรมาณมาก ผ่าตัดเรียบร้อย ผลต้องนอนโรงพยาบาลกว่า 2 เดือน นอนแกร่วอยู่บนเตียง ขาที่ใส่เฝือกก็ห้อยอยู่อย่างนั้นแหละ
สรุปแล้ว หลังออกจากโรงพยาบาล ก็ต้องมาพักฟื้นที่บ้านต่อ ใช้เวลานานกลายเดือนกว่าจะเป็นปกติ ตกลงปีนี้เลยต้องหยุดเรียนไปโดยปริยาย หลังจากหายแล้ว ก็มีเถ้าแก่ในตัวอำเภอ มาพูดคุยกับพ่อขอตัวไปอยู่ด้วย ซึ่งเถ้าแก่ก็รับปากว่าจะส่งเสียให้เรียนและจะเลี้ยงดูเหมือนลูกเหมือนหลาน เลยได้ไปอยู่กับเถ้าแก่ตั้งแต่บัดนั้น
โปรดติดตามตอนต่อไป
ตอนที่ 4..มัธยมไกลบ้าน