*** คำเตือนก่อนอ่าน***
หากมีตัวหนังตัวสือ ตัวใดที่เขียนผิดเพี้ยนไป หรือก่อให้เกิดความหมายผิดไป
ผม ลูกชิ้น ต้องขอ กล่าวคำว่า ขอโทษครับ กับคุณผู้อ่านทุกท่านเป็นอย่างยิ่ง
*********************************************************************************************
ปลาทูตัวเดียวพาเน่าทั้งเข่ง หรือจะสู่ กิ่งไม้สามัคคี 1
ก่อนอื่นต้องขอโทษคุณผู้อ่านทุกท่านก่อนเลยครับ ที่เปลี่ยนชื่อเรื่องแบบกะทันหัน เดิมที่ชื่อเรื่อง ว่า ปลาทูตัวเดียวพาเน่าทั้งเข่ง ตัวผมเอง กลับมาคิดทบทวนอีก ดูเนื้อหาของเรื่องที่จะเขียนมันจะดูน้อยไปหน่อยครับ จึงต้องเปลี่ยนชื่อเรื่องพร้อมกับเพิ่มเนื้อหาให้มาก ให้สมกับที่ คุณผู้อ่านที่ยอมเสียสละเวลาส่วนตัวให้ กับผม เป็นพิเศษ ในการที่ต้องมาคอยเฝ้าติดตาม อ่านหนังสือ สถานสงเคราะห์...บ้านเกิด..ผม ซึ่งตอนนี้เป็นเพียง ต้นฉบับเท่านั้น ที่ยังไม่ได้มีการตี พิมฬ์ เป็นหนังสือ ออกมาวางจำหน่าย ฉะนั้น ผมจึงถือโอกาสนี้เปลี่ยน ซื่อเรื่องเลยครับ หวังว่าคุณผู้อ่านจะไม่ว่า ผมนะครับขอบคุณครับ
ประโยค ปลาทูตัวเดียวพาเน่าทั้งเข่ง หรือจะสู่ กิ่งไม้สามัคคี 2 ประโยคนี้ ให้ความหมายที่แตกต่างกัน โดย สิ้นเชิญ และ มันยังมี ที่มา ที่ไป ในตัวประโยคของมันเอง แถมยังเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ให้ทั้งน้ำตา จากความเจ็บปวด เป็นเพียงเพราะแม่บ้าน ยึดประโยคที่ว่า ปลาทูตัวเดียวพาเน่าทั้งเข่ง ซึ่งมันให้ความหมาย แบบนี้ในเข่งหนึ่ง มีปลาทูอยู่ 3 ตัว และมันมีตัวใดตัวหนึ่งที่เน่าแล้วมันส่งกลิ่นเหม็น ออกมา ทำให้ปลาทูที่เหลือ อยู่ 2 ตัว มีผลพลอยโดนไปด้วย ทั้งที่ปลาทู 2 ตัวนี้ไม่ได้เน่าและไม่มีกลิ่นเหม็น แต่ คนที่ขายไม่สามรถ แยก แยะได้ หรือ เจาะจง ว่า ปลาตัวทูตัวที่ 1 ตัวที่ 2 และตัวที่ 3 ตัวไหน กันแน่น ที่เน่ามีกลิ่นเหม็น คนขายจึงต้อง เหมารวมเลย ว่า เน่ายกเข่ง จึงต้องยอมทิ้ง ปลาทู ยกเข่งไป ถึงแม้รู้จะแก่ใจว่า เหลืออีกปลาทู 2 ตัวที่ไม่ได้ เน่า ก็เปรียบเทียม เมื่อมี เด็กคนใดคน หนึ่ง ทำผิดไว้ แล้วไม่ยอมรับผิดกับสิ่งที่ทำ แม่บ้านจึงต้องลงโทษ เด็กทั้งบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเด็กโต และก็ไม่มีการยกเว้นเด็กเล็ก ถูกทำโทษเหมือนกันหมดทุกคน ( เดี๋ยวจะเล่าเหตุการณ์จริงให้ฟัง ว่าทำไม แม่ถึงต้องลงโทษโดยการตี ผมและเพื่อนๆ ยกบ้าน ได้ขนาดนี้ อดใจรอสักครู่ ครับคุณผู้อ่าน)
ส่วนในประโยค กิ่งไม้สามัคดี มันมีต้นแบบมาจาก ไม้ไผ่ก่อเดียวคือพลังสามัคคีมันเป็นนิทานเรื่อง หนึ่งที่ เล่ากันมาว่า มี ครอบครัวหนึ่ง มี ตา กับ หลานชาย อยู่ 3 คนซึ่ง เจ้าหลานชาย 3 คนนี้ ชอบทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ และตาก็ เหนื่อยใจ ปวดหัว ว่าทำไม หลานชาย 3 คนนี้ เป็นพี่น้องกันแท้ๆ ทำไมไม่รักกันเลย วันๆเอาแต่ทะเลาะอยู่ทุกที ถ้าหากภายหลัง ตา ไม่ได้อยู่แล้ว มีหวัง หลานชายทั้ง 3 คนนี้ ถึงขั้นลงมือทำร้ายร่ายกายจนถึงชีวิต โดยที่ไม่คิดว่านี่คือพี่น้องกัน ว่าแล้วตา จึง รีบหาวิธีที่จะทำให้เจ้าหลานชาย 3 คนนี้ มารักและก็สามัดคคีกัน และแล้วตาก็คิดหาวิธีออก ตาได้เตรียม ไม้ไผ่ที่ตัดไว้ ตั่งมากมาย และก็เรียก หลานชาย 3 นี้ มาพร้อมกัน และให้ไม้ไผ่ คน ละอัน พร้อมกับบอกหลานชายว่า ลองหักไม้ไผ่ ดูชิ หลายชายก็สามรถ หักได้อย่าง ง่ายดาย แล้วตาก็ให้ไม้ไผ่ เหมือนเดิมแต่เพิ่ม จำนวน ไม้ไผ่ จาก 1 เป็น 2 ซึ่ง หลายชายก็สามรถหัก ไม้ไผ่ได้ ตายังให้ไม้เหมือนเดิม จากที่ให้ 2 ก็เพิ่ม เป็น 3 เป็น 4 เป็น และเป็น 5 ในแต่ละครั่งที่ ตาให้ไม้ไผ่หลานชาย 3 คนนี้ ก็ยังสามรถหักได้ พอถึง ไม้ไผ่ที่ 6 หลานชาย ก็เริ่มแสดงสีหน้า บอกให้ ตารู้ หักยากมากขึ้น พอให้ไม้ไผ่ที่ 7 หลานทั้ง 3 คนนี้ ก็ไม่สามรถ หักไม้ไผ่ได้อีก ตาจึงถาม หลานชาย ทั้ง 3 คนว่า หักได้ไหม หลายทั้ง 3 คน จึงตอบพร้อมกันว่า หักไม่ได้แล้วครับ ตาจึงบอก หลายชายทั้ง 3 คน ว่า เมื่อมีไม้ไผ่ อัน หนึ่ง ก็ถูก หักอย่างง่ายดายแล้ว ถ้ามีไม้ไผ่ที่มีจำนวนที่มากขึ้นเรื่อยๆ ก็ไม่มีใครสามรถที่จะหักไม้ไผ่ ได้ ฉะนั้นก็เหมือนกับพวกเธอ ต่างคน ต่างทะเลาะกัน แตกแยกกันไปคนละทาง ไม่รักกันไม่สามัคดีกัน เป็นเหตุ คนนอกที่คิดไม่ซื่อ เข้ามายึดสมบัติของพวกเธอไปจงจำไว้นะพวกเธอ ความรัก ความสามรถคดีจะทำให้พวกเธออยู่รอดได้ เมื่อตาได้บอกจบหลานชายทั้ง 3 คน หันหน้าเข้ากัน แล้วให้ สัญญา ( คุณกร ไกร่เกียน เขียนเล่น) กับคุณตาว่าจะรักกัน ไม่ทะเลาะกันอีกแล้วครับ ภายหลังไม่นาน ตา ก็ได้จากหลานชายทั้ง 3 คน ไปอย่างสงบสุข เพราะรู้ ว่าหลานชายทั้ง 3 คน จะไม่ทะเลาะอีกแล้ว
ตัวผมเองจำนิทานเรื่องนี้ได้คราวๆอาจจะผิดเพี้ยง จากต้นฉบับที่ดีอยู่ แล้วฉะนั้น ผมต้องขอโทษไว้ก่อนครับ ( แล้วคุณผู้อ่านล่ะครับ เคยได้อ่านนิทานนี้หรือเคยได้ยินนิทานเรื่องนี้มาบ้าง หรือเปล่าครับ)
เท่านี้มาเข้าเรื่องที่เคยเขียนกันไว้ก่อนหน้านี้ครับ สำหรับ ประโยค ปลาทูตัวเดียวพาเน่าทั้งเข่ง ตัวผมเองไม่ค่อยชอบ ไอ้ ประโยคนี้สักเท่าไรนัก เพราะเป็นประโยคที่ให้ความรู้สึกที่ไม่ค่อยดี เพียงเพราะว่า ผิดแค่คนหนึ่ง แต่ต้องพากันโดนทุกคน มันเหมือนไม่ยุติธรรมเลย ใครที่ทำผิด ก็สมควรที่จะรับโทษไป ไม่ใช่ให้คนอื่นๆ ที่ไม่รู้เรื่อง กับต้องมาโดนด้วยตรงนี้แหละครับที่ผมไม่ชอบเลย แต่สำหรับแม่แล้ว ประโยคนี้คง เป็นประโยคที่ถูกต้องในการที่จะตัดสินใจลงโทษผมและเพื่อนๆ
เรื่องมันมีออยู่ว่า วันนั้นแม่ได้เตรียมเบี้ยเลี้ยง ( เงินค่าขนม สำหรับ ไปโรงเรียน) เพื่อที่จะแจกจ่ายพวกผม แต่เท่านี้เงิน มันหายไป 200 บาท ซึ่งมันเป็นเหรียญ 10 กับเหรียญ บาทในช่วงเวลา เช้ามืด นั้นเอง พอใกล้เวลาแจกเบี้ยเลี้ยง แม่ก็สั่ง ให้เด็กทุกคนจับคู่ ทั้งเด็กเล็กและเด็กโตผลัดกัน ค้น กระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกน และก็กระเป๋านักเรียน แล้วตรวจค้นยันกางเกงในเลย และ ปรากฏว่า ไม่พบเจอ เด็กคนไหนที่มีเงิน มากผิดปกติ แม่แจกเบี้ยเลี้ยง พร้อมกับพูดว่า เย็นนี้ หาตัว คน ขโมยเงิน มาให้แม่ ด้วย ไม่งันจะถูกทำโทษหมดทุกคน ไม่เว้นเด็กเล็ก และ ก็อย่าถือว่าเป็น เด็กโต แล้ว แม่จะทำโทษไม่ได้ด้วยน้ำเสียง ที่หนักแน่ ปน ไปด้วย ความโมโห และทิ้งท้ายด้วย ประโยค ว่า ใครที่รู้ตัวว่าทำผิด ก็มาสารภาพ กับแม่ซะ อย่าให้ เพื่อนๆตั้งมากมาย ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ต้องมาถูกทำโทษ เพียงเพราะเราคนเดียว ทำอย่างยัง งี่ มันเหมือน คนเห็นแก่ตัวรู้ไหม...อืม
แม่จะให้โอกาสถึงเย็นนี้ ระหว่างที่อยู่โรงเรียน ก็หัดสักเกตุ ดู ในเด็กบ้านเรา ใครที่มันใช้เงินมาก จนผิดปกติ ก็แอบมาบอกแม่ได้เหมือนกัน ไม่ต้องกลัว ไอ้คนอย่างงี่ มันต้องถูกทำโทษให้หนัก เพราะเงินที่ ขโมย ไป นั้น มันเป็น เบี้ยเลี้ยง ( เงินค่าขนม ) ของพวกเธอกันเอง ทั้งนั้น แม่ไม่ได้เดือดร้อนอะไร เพราะเอาเงิน สำรอง ออกมาใช้แทนก่อน แต่แม่ไม่ชอบนิสัย คนขโมย กับ คนโกหก พวกเธอเอง ก็น่าจะรู้จัก นิสัย แม่นี้ ดี และก็ไม่ต้อง หา แพะรับบาป ล่ะ ไม่ งัน ไอ้ คนที่ เป็นแพะ กับ คนที่บังคับ จะโดนหนักกว่า ไอ้คนขโมย ซะอีก..... สิ้นสุดคำบอกเล่า ก็มีเสียงบ่น ในหมู่ เพื่อนผม ( แม็ง ....ใครวะขโมยก็ยอมรับไปซิ ทำไม ต้องทำให้ทุกคน เดือดร้อนด้วย เนีย )
วันนั้นทั้งวัน ไม่เป็นอันเรียนหนังสือเลย เหมือนชีวิต ไม่คอยมีความสุขสักเท่าไรเพราะรู้อยู่แก่ใจว่า เย็นนี้กลับบ้านไป ต้องถูก ทำโทษแน่ๆ เพราะไอ้เรื่องแบบนี้ยากนักที่จะมีคน ยอมรับผิด นอกจากเสียว่า มี หลักฐาน แน่ชัด ว่าใช่ เป็นคนขโมยจึงจะยอมสารภาพโดยดี
************************************* *******************************************
โปรดติดตามอ่านสถานสงเคราะห์...บ้านเกิด..ผม ปลาทูตัวเดียวพาเน่าทั้งเข่ง หรือจะสู่ กิ่งไม้สามัคคี 2
ได้ในวันพฤสบดีที่ 12 มกราคม 2555
ผมลูกชิ้น สวัสดีครับ คุณผู้อ่าน บ๊ายๆๆ....บ๊าย