หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
ดูรายการโปรด เพิ่มเป็นรายการโปรด

เก็บรักไว้ที่ปลายรุ้ง ตอนที่ 3

วันที่ 30 มีนาคม 2557

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 3

 

 

 

 

 

 

 

 

“เห็นเธอนัดประชุมตอนเช้าอีกหน่อยก็คงลงมา”

“ก็ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรมากมายของเธอนะพ่อ คนอย่างเราบางทีก็เข้าไม่ถึงหรอก”

“ช่วยเธอดูแลบ้านให้ดีที่สุดก็พอแล้วแม่จันทร์ เดี๋ยวฉันจะไปเดินดูอะไรแถวๆนี้ก่อนแม่จันทร์เตรียมอาหารเช้าต่อเถอะ”

“จ่ะ” พยักหน้าตอบรับสามีพร้อมสารวนทำอาหารต่อไป

เมื่อสายชลเปลี่ยนชุดและทานอาหารเช้าเรียบร้อยเธอก็เดินไปที่ห้องประชุมที่ได้นัดกับลุงมีไว้ ซึ่งลุงมีก็ได้รออยู่ที่นั่น

เรียบร้อยแล้ว เธอยิ้มทักทายลุงมีพ่อบ้านและคนเก่าแก่

“ตื่นแต่เช้าเลยนะจ๊ะลุง”

“ครับคุณชลก็ตื่นแต่เช้าทุกวันเลย”

“ก็ตื่นแต่เช้ามันสดชื่นนี่จ๊ะ เราเริ่มกันดีกว่านะจะได้ไม่เสียเวลา”พูดพร้อมนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับลุงมี

“ลุงจ๊ะเราคงต้องประกาศรับพนักงานบัญชีเพิ่มอีกซักหนึ่งคนแล้วล่ะเพราะดอกอ้อคนเดียวคงไม่ไหวแล้วนะดูท่าจะ

งานหนักเกินไป เอาเป็นวุฒิ ป ว ส. ก็แล้วกัน เราลงประกาศตามหนังสือ แล้วก็วิทยุชุมชน เชื่อว่าไม่นานก็คงได้ เรื่อง

นี้แล้วแต่ลุงจะมอบหมายใครก็ได้นะคะ”

“ครับ”

“เรื่องต่อไปฉันอยากให้ลุงดำเนินการติดต่อคนงานก่อสร้าง เพื่อสร้างบ้านพักคนงานให้เร็วที่สุด เอาที่ดีที่สุดนะที่เรา

มั่นใจในฝีมือแล้ว เป็นผู้รับเหมาที่สร้างบ้านเคียงดาวและ

บ้านริมชลให้ฉันก็ได้ ฝีมือดีทีเดียว เดี๋ยวแบบบ้านฉันจะออกแบบเอง อยากให้สวยงามน่าอยู่ โดยเฉพาะด้าน

ประโยชน์ใช้สอยต้องคุ้ม พวกเขาจะต้องอยู่อย่างมีความสุข ฉันอยากให้พวกเขารักที่นี่เหมือนบ้านของเขาจริงๆ”

“เป็นเงินไม่น้อยเลยนะครับคุณชล ผมว่า”

“ถึงจะต้องจ่ายเยอะแต่ก็ต้องสร้างเพราะมันถึงเวลาแล้วนะลุง บ้านพักชั่วคราวมันดูทรุดโทรมมากแล้วนะลุง และมันก็

ไม่เป็นสัดส่วน ไม่ค่อยน่าอยู่เลย ไหนๆจะสร้างทั้งทีก็ต้องทำให้มันดีไปเลยอยู่ได้จนชั่วลูกชั่วหลานโน่นแหละ วาง

แปลนให้ดีตั้งแต่ตอนนี้ต่อไปจะปลูกสร้างอะไรที่ตรงไหน ก็เป็นระเบียบสวยงาม จริงไหมจ๊ะลุง”

“ครับก็จริง เพียงแต่ลุงกลัวคุณชลต้องจ่ายเป็นจำนวนมาก”

“ฉันมีนะลุงเงินที่เราทำไร่ในแต่ละปีก็มิใช่น้อย อีกอย่างลุงลืมหรือเปล่าว่าฉันน่ะศิลปินระดับประเทศนะ ถ้าฉันบอกว่า

ฉันยินดีจ่ายลุงไม่ต้องห่วงเลยนะ ลุงก็เห็นว่าพวกเขาลำบาก มีอาชีพรับจ้าง อยู่กับเรามานาน ผ่านการทดสอบมา

หลายครั้งถ้าไม่มีพวกเขาเราก็ลำบากเหมือนกัน การหาคนงานมีฝีมือ ซื่อสัตย์ ขยันขันแข็ง มันไม่ได้หาง่ายๆนะลุง

และพวกเขายังจะได้ช่วยเราดูแลไร่ด้วย ลุงลองมองดูพื้นที่ๆติดกับเราสิไม่ว่าจะเป็นด้านซ้าย ขวา หน้า หลังของพวก

เราล้วนเป็นของพวกนายทุนไปเรียบร้อยแล้วฉันว่าลุงเองก็คิดเหมือนฉัน รักที่นี่เหมือนกัน ลุงมีจ๊ะ เมื่อพวกเขาเกิด

ความมั่นคงมีชีวิตที่ดีขึ้น เขาจะรักที่นี่ และเขานั่นแหละที่จะช่วยเราเป็นหูเป็นตา เป็นรั้วที่แข็งแกร่งสำหรับบ้านไร่เคียง

ดอย”

“ครับลุงก็เชื่อในการตัดสินใจของคุณชล เพราะลำพังลุงเองก็คงได้แค่ดูแลคนงาน ทำไร่ไปวันๆ คงไม่มีปัญญาไปคิด

ทางหนีทีไล่อะไรหรอกครับ ลุงกับป้าจันทร์ไม่อยากให้คุณชลไปไหนจริงๆนะครับ”

“ใครบอกคะ ลุงมีนั่นแหละเป็นคนที่ดูแลไร่นี้แทนฉันได้ดีมาก และฉันก็มั่นใจว่าลุงมีเป็นคนที่กว้างขวางมากทีเดียวคน

หนึ่ง เพราะฉะนั้นเรามาช่วยกันปกป้องไร่ของเรา ฉันไม่หนีไปไหนหรอกถ้าไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัยของไร่”

“คุณชลครับลุงกับป้าจันทร์ และคนงานทุกคน ซาบซึ้งและดีใจที่มีคุณชลเป็นนายของบ้านไร่เคียงดอย คงไม่มีสิ่ง

ไหนประเสริฐไปกว่านี้อีกแล้ว”

“ลุงมีกับป้าจันทร์เป็นคนเก่าแก่ของพ่อกับแม่ ขยันซื่อสัตย์ ดูแลไร่ให้ฉัน จนเจริญก้าวหน้า ตั้งแต่เราเริ่มต้น ตอนที่

คุณพ่อกับคุณแม่ ไม่เห็นด้วยกับความคิดของฉันที่จะทำไร่อยู่ที่นี่ ก็ได้ลุงกับป้าที่ช่วยสนับสนุนความคิดของฉัน จน

ท่านอนุญาต ฉันอยากบอกว่าฉันเชื่อมั่นในตัวลุงมีมากเลยนะ เราทุกคนที่นี่เหมือนญาติพี่น้องกันนะจ๊ะลุง ชาติก่อนคง

เคยทำบุญร่วมกันมาจึงได้มาอยู่ร่วมกัน มีโอกาสได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันลุงว่าจริงไหม”

“จริงครับ” ลุงมียิ้มๆพยักหน้าเห็นด้วยกับเจ้านาย

“เป็นอันว่าจัดการตามที่คุยกันนี่แหละถ้ามีอะไรอีกเดี๋ยวเราค่อยปรึกษากันอีกทีนะ”

“ครับคุณชล ถ้างั้นลุงขอตัวไปตรวจดูความเรียบร้อยในไร่ก่อนนะครับ”

“จ๊ะเชิญเลย จ๊ะลุง”

 

 

 

 

 

 

“สวัสดีครับคุณแม่” เสียงทุ้มนุ่มนวลที่ดังมาตามสายนั้นทำให้คุณประไพถึงกับยิ้มออก

“ว่าไงลูก ตาชาติ โทรมาแต่เช้าเชียวนะ ทานข้าวรึยัง”

“กำลังรออยู่ครับ ลูกน้องเขากำลังออกไปซื้อมาให้”

“มีแต่ผู้ชายก็อย่างนี้แหละไม่มีคนดูแล เอะอะก็ต้องซื้อ ทานแต่กับข้าวถุงพลาสติกจะอร่อยและมีประโยชน์อย่างไร

กัน” เสียงคุณประไพบ่นมาตามสายด้วยความเป็นห่วงบุตรชาย ถึงแม้เขาจะอายุมากแล้วมีหน้าที่การงานที่ไม่ทำให้

ต้องห่วงอะไรแต่คุณประไพก็อดที่จะห่วงใยบุตรชายไม่ได้ เนื่องจากยังใช้ชีวิตโสดโดยไม่มีทีท่าว่าจะแต่งงานเสียที

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณแม่ผมกำลังมองหาสะใภ้ให้คุณแม่อยู่ครับ”เสียงธนชาติหัวเราะมาตามสายด้วยความ

อารมณ์ดี

 

“ไม่ต้องหัวเราะหรอกนะแม่รู้ว่าลูกพูดเล่น ทำแต่งานอยู่นั่นแหละรู้ไหมอายุเริ่มมากแล้วนะ แม่อยากอุ้มหลานเต็มที

เอาไหมเพื่อนแม่เค้ามีลูกสาวสวยๆหลายคนเดี๋ยวแม่จะติดต่อนัดแนะให้ลูกเอง รับรองเรียบร้อยถูกใจลูกแน่นอน”

เสียงมารดาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและความหวังว่าบุตรชายจะตามใจเสียที ตัวเขาเองก็รู้สึกเห็นใจมารดา

เหมือนกันแต่ถ้าจะให้แต่งงานกับผู้หญิงที่มารดาเลือกให้ก็คงจะไม่ คนอย่างเขาถ้าจะแต่งงานทั้งทีผู้หญิงคนนั้นจะ

ต้องเป็นคนที่เขารักอย่างสุดหัวใจเท่านั้น คงไม่ใช่จะแต่งเพื่อความเหมาะสมแต่อย่างใดไม่

“ไม่นานหรอกครับแม่ผมสัญญาว่าผมจะหาผู้หญิงที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมาเป็นลูกสะใภ้ให้คุณแม่แน่นอน”

“ขอให้จริงเถอะแม่จะได้สบายใจเสียที แม่กลัวว่าลูกจะเสียทีแม่พวกผู้หญิงเปรี้ยวๆสมัยใหม่เหล่านั้นเสียก่อน ได้ข่าว

เหมือนกันนะว่าเยอะทีเดียวไม่ใช่เหรอ”

“รู้ทุกอย่างเลยนะครับ คุณแม่มาเป็นตำรวจแทนผมดีไหมครับรับรองด้านสืบสวนสอบสวนนี่คงไม่มีใครสู้คุณแม่ได้”

“ไม่ต้องมาประชดแม่หรอกนะ แม่จะเป็นแบบนี้จนกว่าลูกจะแต่งไปแล้วโน่นแหละถึงจะเลิกยุ่ง”

“ผมยินดีให้คุณแม่ทำแบบนี้ไปตลอดชีวิตเลยครับ วันไหนไม่ได้ยินเสียงคุณแม่ผมรู้สึกว่าเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง

กินไม่ได้นอนไม่หลับ ยังไงก็ไม่รู้ครับ”

“พอแล้วล่ะฟังลูกพูดแล้วแม่ปวดหัว เดี๋ยวแม่จะไปตรวจงานเสียหน่อย แค่นี้ก่อนนะลูก”

“ครับผม สวัสดีครับ” คุณประไพคุณแม่ของสารวัตรธนชาติมีธุรกิจเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ของจังหวัดทีเดียว มี

ลูกน้องและคนงานเป็นจำนวนมากและอีกอย่างก็คือ

เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ แต่ธนชาติเองที่เป็นบุตรชายคนโตกลับเลือกที่จะรับราชการแทนการทำธุรกิจเพราะ

ฉะนั้นคนที่จะสืบทอดกิจการของทางบ้าน ก็คงหนีไม่พ้นธนชัย น้องชายของเขาที่จะจบปริญญาตรีสาขาบริหารธุรกิจ

จากอเมริกาในเร็วๆนี้ตัวเขาเองจึงไม่รู้สึกห่วงอะไรในเรื่องธุรกิจครอบครัว

 

 

ร่างเพรียวระหงส์ นั่งกึ่งเอนพิงเบาะโซฟาที่มีหมอนผ้าฝ้ายสีครีมอ่อนปักลวดลายดอกไม้สีสันสวยงาม แจกันบนโต๊ะ

ปักดอกกุหลาบหลากสีอยู่ห้าดอก มีใบเฟริน์สวยๆสีเขียวสดปักแซมอยู่ป้าจันทร์คงให้ใครตัดมาปักไว้เมื่อเช้านี้ ถัด

จากโต๊ะที่วางแจกันที่เป็นโต๊ะทำงานของสายชล มีอ่างแก้วใสขนาดกลางๆตั้งไว้มีดอกลีลาวดีสีขาวลอยอยู่ แน่นอน

ป้าจันทร์อีกนั่นแหละที่รู้ดีว่าสายชลชอบลีลาวดีสีขาว คงเป็นต้นที่อยู่ตรงริมทางขึ้นบ้านเคียงดาวนั่นเอง เพราะต้น

อื่นๆที่กระจายกันอยู่แถวบ้านนั้นไม่ใช่สีขาว สายชลชอบสีขาวเพราะมันแลดูบริสุทธิและมีกลิ่นหอมอ่อนๆถูกใจนัก

เดี๋ยวจะขอให้ป้าจันทร์จัดไปไว้ในห้องนอนอีกหนึ่งชุด ตรงหัวที่นอนนั่นแหละท่าจะดี เพราะกลิ่นหอมอ่อนๆของ

ลีลาวดีน่าจะทำให้หลับสบาย ขณะที่กำลังนั่งคิดอะไรเพลินอยู่นั้น ป้าจันทร์ก็เดินเข้ามาในห้องทำงานและรายงานว่า

 

“ คุณชลคะมีแขกมาขอพบค่ะ”

“ใคร” เสียงถามเบาๆโดยที่ยังมองดอกลีลาวดีที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำในอ่างแก้วใส

“เห็นบอกว่ามาจากบริษัทธาราคอเปอร์เรชั่นค่ะ”

“บอกไหมว่าธุระอะไร” หันมามองหน้าผู้เข้ามารายงาน

“ถามแล้วค่ะ แต่แจ้งแค่ว่าอยากพบเจ้าของบ้าน”

“คงเป็นพวกติดต่อเรื่องที่นี่แหละ”

“ให้ป้าไปบอกให้เขากลับไปไหมคะ บอกว่าคุณไม่รับแขก” พูดเสร็จมองหน้าผู้เป็นเจ้านาย

สายชลหยุดคิดนิดหนึ่ง

“บอกเขาให้รอที่ห้องรับแขกนั่นแหละเดี๋ยวฉันไป”

“ค่ะ” ตอบรับคำสั่งพร้อมรีบออกไปทำหน้าที่ทันที

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“กาแฟค่ะ รอสักครู่นะคะเดี๋ยวท่านมา”

“ครับ ขอบคุณครับคุณแม่บ้าน”แขกที่มาขอพบสายชลนั้นเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมผิวขาว ท่าทางสุภาพเรียบ

ร้อยในความคิดของป้าจันทร์เมื่อเสริฟกาแฟเรียบร้อยนางจึงถอยออกไปรอดูความเรียบร้อยอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง

เพื่อรอบริการเจ้านายสิบนาทีที่ผ่านไปไม่ได้ช่วยให้ผู้ที่รอรู้สึกดีขึ้นแต่อย่างใดเลย ตรงกันข้ามกับทำให้รู้สึกกระสับ

กระส่ายมากยิ่งขึ้น การเจรจาครั้งนี้จะปรากฏผลในลักษณะใดนั้นย่อมมีผลต่อเขาทั้งสิ้นมีผลต่อชีวิตการทำงานและ

ตัดสินอนาคตความก้าวหน้าของเขาโดยแท้ทีเดียว

“สวัสดีค่ะ”

“ครับสวัสดีครับ กระผมมาขอพบท่านเจ้าของบ้านและเจ้าของไร่เคียงดอยครับ”

คนตอบมองหน้าผู้เดินเข้ามาใหม่พร้อมบอกจุดประสงค์อย่างไม่มั่นใจนัก

สายชลเดินมานั่งที่เก้าอี้รับแขกที่ตรงกันข้ามกับแขกผู้มาเยือน สีหน้าของเธอเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกใด

“ดิฉัน สายชลเจ้าของบ้านนี้ และเป็นเจ้าของไร่เคียงดอย ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรกับดิฉันคะ” ตอบไปเช่นนั้นและ

มองสบตาผู้มาเยือนจนอีกฝ่ายต้องเป็นฝ่ายหลบก่อน

“เอ้อ” ประวิทย์รู้สึกทึ่งมากกับความรู้ที่ได้รับใหม่ ถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วครู่ แต่เขาก็เก็บซ่อนความรู้สึกไว้ได้อย่างรวด

เร็วกับบุคลิกนักธุรกิจเช่นเขา

“ผมนึกว่าท่านเจ้าของไร่จะเป็นผู้อาวุโสมีอายุมากเสียอีก คาดไม่ถึงว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่และอายุยังน้อยเช่นนี้”

“ไม่เป็นไรค่ะทุกคนมีสิทธิคิดและเข้าใจอย่างไรก็ได้ ถ้ายังไม่มีข้อมูลที่ถูกต้อง”สายชลยิ้มให้แขกผู้มาเยือนนิดหนึ่ง

เพราะเธอรู้สึกว่าเขาดูเป็นผู้ใหญ่และสุภาพพอสมควรที่จะได้รับเกียรติ ถึงแม้เธอพอจะทราบวัตถุประสงค์การมาของ

เขาในวันนี้ก็ตาม

“เชิญพูดธุระของคุณมาได้ค่ะ”

“ครับ” ผู้มาเยือนแทบปรับสีหน้าไม่ทัน

“ก่อนอื่นผมต้องขอแนะนำตัวก่อน ผมชื่อประวิทย์ครับเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทธาราคอร์เปอร์เรชั่นจำกัด คือ

คุณสายชลก็คงทราบดีใช่ไหมครับตอนนี้มีหลายบริษัทต้องการที่ตรงนี้มาก”

“เอ่อ “ แล้วอาการพูดไม่ออกก็เกิดกับประวิทย์ผู้จัดการที่มากด้วยประสบการณ์ เพราะเมื่อมองสบสายตาที่เหมือนมีไฟ

เป็นกองลุกอยู่ในนั้น

“ครับ กระผมหมายถึงไร่เคียงดอย”

“ทั้งๆที่ก็ไม่มีคนที่นี่ประกาศว่าต้องการขายเลยอย่างนั้นหรือ คุณประวิทย์”เสียงถามฟังดูห้วนๆ

“ผมอยากเรียนให้คุณสายชลทราบนะครับว่าเรามีข้อเสนอดีๆ”

“ฉันไม่เคยสนใจข้อเสนออะไรของใครทั้งสิ้น ไม่ว่าบริษัทนี้หรือบริษัทไหนและที่ฉันยอมพบกับคุณก็เพราะอยากให้

คุณบอกเจ้าของบริษัทว่าอย่าได้ส่งใครมารบกวนฉันอีก”

“ถึงอย่างไรคุณก็ต้องได้รับผลกระทบแม้จะไม่ใช่บริษัทของผมก็ตาม”ประวิทย์ยังไม่เลิกความพยายาม

“เอาเถอะเมื่อตัดบริษัทของคุณออกไปสักบริษัทฉันคิดว่ามันจะดีขึ้นเรื่อย ๆและฉันก็ไม่เคยกลัวเพราะที่นี่เป็นบ้านของ

ฉันเป็นที่ๆฉันเกิดและฉันไม่มีวันที่จะขายที่แปลงนี้ เพื่อตอบสนองความอยากของคนโลภหรอก”

โรงแรมขนาดใหญ่สูงเสียดฟ้าจะถูกสร้างขึ้น บดบังทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่ทัศนียภาพที่สวยงาม ความเป็นธรรมชาติจะ

ถูกทำลายไปต้นไม้จำนวนมากที่ต้องถูกโค่นลงและทดแทนด้วยสิ่งปลูกสร้างมากมาย แค่คิดความเดือดดาลก็แทนที่

ความรู้สึกทั้งหมดความตั้งใจว่าจะใจเย็นที่สุดไม่รู้หายไปไหน

“เชิญคุณกลับไปเถอะ”

“โปรดฟังผมอีกสักนิดเถอะครับคุณสายชล”

“ไม่มีประโยชน์หรอกฉันพยายามใจเย็นที่สุดแล้ว”

สายชลมองหน้าแขกผู้มาเยือนอย่างจริงจัง จนคนถูกมองต้องเป็นฝ่ายหลบก่อนพร้อมทั้งยอมรับในใจว่า ผู้หญิงคนนี้

ช่างมีอำนาจในตัวเอง เต็มไปด้วยความมั่นใจ เข้มแข็งจนเกินกว่าคนในวัยเดียวกัน ตัวเขาเองยังไม่เคยเห็นผู้หญิงที่

เต็มไปด้วยพลังอำนาจเช่นนี้

“ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณครับคุณสายชล ผมจะกลับไปเรียนเจ้านายตามที่คุณบอกทุกประการและผมขอให้คุณ

โชคดีครับ

ประวิทย์ลุกขึ้นจากไปแล้วโดยไม่คิดที่จะตอแยให้เจ้าของบ้านเกิด ความรำคานอีกแต่ประการใดเพราะรู้แล้วว่าคงไม่

เกิดผลอะไรแน่นอนกับสายตาที่เข้มแข็งและมุ่งมั่นเช่นนั้น

 

สายชลเดินออกมาสูดอากาศนอกบ้านเพื่อเรียกกำลังใจ และบอกกับตัวเองว่านี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น ดอกโมกหอมใน

กระถางริมทางเดินจัดตั้งเป็นแถวคู่กันทั้งสองข้างนับสิบกระถางกลิ่นของมันหอมอ่อนๆ เธอเดินเข้าไปใกล้ๆรู้สึกสบาย

ใจขึ้นที่ได้สูดกลิ่นของมันเข้าไป เธอเด็ดดอกโมกหอมเล็กๆนั่นนับสิบดอกไว้ในอุ้งมือมองดูมันเหมือนพยายามปรับ

ความรู้สึกบางอย่างสายลมพัดมาแผ่วเบารู้สึกสดชื่นขึ้น เธอยิ้มและให้กำลังใจกับตนเอง ผีเสื้อปีกบางๆสีเหลืองบิน

ผ่านหน้าเธอไป และไม่นานก็มีอีกตัวหนึ่งสีเดียวกันบินตามไป เธออดที่จะมองตามไปไม่ได้ มันบินไปทุกๆมุมที่มีดอก

ไม้สีสันสดใส

“อิสรภาพที่สวยงาม เธอลำพึงกับตนเอง”

ถัดจากตรงนี้ไปเป็นต้นแสงจันทร์สีของมันเหลืองอมเขียวแลดูกระจ่างตาสมชื่อ ใครนะช่างเข้าใจตั้งชื่อจริงๆ คิดและ

นึกถามตัวเองอยู่ในใจ

 

 

 

 

 

“คุณคะมีคนมาขอพบค่ะ” สายชลมองเห็นป้าจันทร์ท่าทางตระหนก

“ใครอีก” นึกถามตัวเองในใจว่านี่มันวันอะไรกันนะ

“บอกว่าเป็นคนของเสี่ยไกรศักดิ์ มากันสามคน”

“ป้ารู้จักไหมเสี่ยไกรศักดิ์นี่นะ” สายชลมองหน้าป้าจันทร์ที่แลดูไม่สู้ดีนัก

“เป็นพวกมีอิทธิพลค่ะ มีธุรกิจมากมาย แต่ไม่ใช่คนดี เป็นเจ้าพ่อนักเลง ไม่นึกว่าแกก็จะสนใจเหมือนกันทำยังไงดีคะ

คุณ ป้าว่ามันน่ากลัว”

สายชลหยุดคิดนิดหนึ่งทิ้งดอกไม้ที่อยู่ในมือลงกับพื้น ดอกโมกดอกเล็กๆหล่นลงเกลื่อนปะปนกับต้นหญ้าบนพื้นดิน

โดยผู้เป็นเจ้าของเลิกสนใจมันอีกต่อไปเนื่องจาก

อารมณ์สุนทรีย์ได้ถูกทำลายไปหมดแล้วกับการมาเยือนของแขกที่ไม่ได้รับเชิญ

“ฉันจะออกไปคุยกับพวกเขาเองกลัวอะไร บ้านเราเองแท้ๆให้มันรู้ไปว่าคนเราจะมารุกรานกันได้ถึงบ้านช่องเชียวหรือ

ถ้าเราหลบมันจะได้ใจ หาว่าเรากลัวมันจนหงอ เดี๋ยวก็มาใหม่ จนกว่าจะเจอจนได้ นักเลงเหรอคอยดูว่าจะสู้สายชลได้

ไหม ใครคือนักเลงตัวจริง”

“โธ่คุณคะ เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ นั่นน่ะมีแต่ผู้ชาย ป้าว่ามันเป็นมือปืนด้วยแน่เลยท่าทางมันน่ากลัว”เสียงป้าจันทร์ครวญ

ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ทีเดียวแต่มองดูเจ้านายยังเห็นสีหน้าเรียบเฉย

“ป้าจันทร์ให้คนไปบอกลุงมีเร็วที่สุด เอาคนของเรามา สักสี่ห้าคนเลือกเอาที่ดูหน้าตาดุๆกว่าไอ้พวกนั้นภายในห้านาที

นะ ฉันจะไปรับหน้าพวกมัน ให้นักเลงคอยนานเดี๋ยวจะไม่ดี”

“ได้ค่ะคุณ ระวังตัวด้วยนะคะ”

เมื่อสายชลเดินมาถึงห้องรับแขกก็ได้พบกับคนของเสี่ยไกรศักดิ์สามคนที่รออยู่แล้วโดยมีนายชิด มือขวาของเสี่ยไกร

ศักดิ์พร้อมลูกน้องอีกสองคน น่าตาดูไม่น่าไว้วางใจ แต่สายชลไม่เคยนึกกลัวเธอไม่เคยคิดว่าใครจะกล้ามาทำอะไร่

เธอได้ในเขตบ้านของเธอเอง

“ฉันสายชลเจ้าของไร่เคียงดอย ต้องการพบฉันมีธุระอะไร”

คนของเสี่ยไกรศักดิ์ มองสายชลด้วยสายตาลามเลียไม่สุภาพ

“เจ้าของไร่เคียงดอยไม่คิดเลยนะครับว่าจะสวยขนาดนี้”

สายชลมองคนทั้งสามด้วยสายตาที่ดูหมิ่นและไม่เป็นมิตร

“พูดธุระของพวกคุณมา” นายชิดหัวเราะขึ้นเสียงดังฟังแล้วน่าเกลียด และลูกน้องทั้งสองที่ติดตามมาด้วยก็หัวเราะ

ตามลูกพี่โดยไม่มีความจำเป็น

“ผม วิชิตคนของเสี่ยไกรศักดิ์ ผมคิดว่าคุณคงรู้จักดี”

“เสียใจด้วยนะฉันไม่รู้จักเสี่ยไกรศักดิ์เลย เขาคือใคร”

นายวิชิดกำลังจะอ้าปากหัวเราะแต่เกิดเปลี่ยนใจแล้วหยุดกลางคัน

“อะไรกันครับคุณสายชล ใครที่ไหนจะไม่รู้จักเสี่ยไกรศักดิ์ ล้อเล่นรึเปล่า”

“พวกนายไม่ใช่เพื่อนเล่นของฉัน เพราะฉะนั้นจึงไมมีการล้อเล่น และส่วนใหญ่ฉันก็รู้จักแต่คนดี เจ้านายพวกนายเป็น

คนแบบไหนกันทำไมฉันจึงไม่รู้จัก”

“นี่พวกผมพูดกับคุณดีๆนะคุณสายชล”

“แล้วฉันพูดไม่ดีตรงไหน” สายชลเห็นลูกน้องของนายวิชิตขยับตัวและเปิดเสื้อแจ๊กเก็ตที่สวมอยู่ออก สายตาของสาย

ชลเหลือบไปเห็นปืนที่เหน็บอยู่เอวของทั้งสองคน สายชลรู้ว่าพวกนี้ต้องการให้เธอเห็น ดังนั้นเธอจึงควบคุมสติและ

บอกตัวเองให้นิ่งมากที่สุดเพื่อไม่แสดงความรู้สึกว่ากลัวออกมาให้พวกมันเห็นเป็นอันขาด

“คุณจะไม่เชิญแขกนั่งเพื่อคุยกันตามประสาเจ้าบ้านที่ดีหรือคุณสายชล สวยๆอย่างคุณนี่ไม่น่าจะไม่รู้จักมารยาทเลย

นะครับ” ใช้คำพูดธรรมดาแต่สายตานั้นกลับแลดูเยือกเย็น

“ถ้าอยากจะนั่งก็เชิญสิ”สิ้นเสียงของสายชลเสียงหัวเราะที่น่าเกลียดทั้งสามก็ประสานกันขึ้น

“เสี่ยต้องการที่ไร่ของคุณ เรายินดีจ่ายตามราคาที่เหมาะสม”

“ต่อให้นายไกรศักดิ์ขายทุกอย่างที่มีจนหมดตัวก็ไม่พอซื้อที่แปลงนี้หรอก และฉันก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรถึงจะต้อง

ขายที่ตรงนี้ กลับไปบอกนายไกรศักดิ์ว่าฉันมีเงินมากพอที่จะซื้อกิจการทุกอย่างของเขา อย่าส่งคนมาที่นี่อีก”

ลูกน้องทั้งสองที่ติดตามนายวิชิตมาลุกขึ้นพร้อมกัน แต่นายวิชิตยกมือขึ้นปรามไว้ทั้งสองจึงนั่งลงตามเดิม

“พูดกันดีๆและฟังง่ายๆดีกว่านะครับคุณสายชลถ้าไม่อยากเดือดร้อน ถึงคุณจะมีเงินแต่เงินก็อาจจะไม่สามารถคุ้ม

ครองคุณได้ เพราะคุณเป็นเพียงผู้หญิงคนเดียว”

“สายชลลุกขึ้นด้วยความโมโหและขณะนั้นลุงมีพร้อมด้วยคนงานผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่จำนวนห้าคนก็เดินเข้ามาหยุดอยู่

ข้างหลังสายชล ทุกสายตาจ้องมองผู้มาเยือนด้วยสายตาโหดเหี้ยม และพร้อมที่จะจัดการกับผู้มาเยือนได้ตลอดเวลา

“อ้อ ไม่ธรรมดาเหมือนกันนี่คุณ มิน่าล่ะดูท่าทางไม่รู้จักเกรงกลัว”

“ฉันไม่เคยกลัวใครที่นี่บ้านของฉัน พวกนายต่างหากที่จะต้องกลัวที่เข้ามาในเขตไร่ของฉัน ฝากบอกนายไกรศักดิ์ถ้า

ไม่อยากเดือดร้อนอย่ามายุ่งกับฉัน ถ้าส่งคนมาอีกจะเจอข้อหาบุกรุกระวังไว้ คนของฉันมีเป็นร้อยนี่แค่ตัวอย่าง” สาย

ชลมองเห็นความลุกลี้ลุกลนของทั้งสาม

“กลับไปบอกเจ้านายแกซะว่าถ้าเป็นสุภาพบุรุษจริงอย่าส่งคนมาข่มขู่ผู้หญิง รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น”

พูดเสร็จสายชลก็ลุกขึ้น ปลายตาไปทางลุงมีและคนงานทั้งห้าที่แสดงทีท่าว่าพกปีนอยู่ข้างในเสื้อแจ๊กเก็ทเหมือนกัน

ทำเอาคนของเสี่ยไกรศักดิ์หน้าถอดสีไปตามๆกัน

ลุงมีช่วยฉันส่งแขกหน่อย เอาให้ประทับใจเลยนะ ส่งให้ถึงรถทีเดียว”

ลุงมีแสร้งทำเป็นหันไปถามลูกน้องที่มาด้วย

“เฮ้ย ที่ให้ซุ่มรอคำสั่งอยู่ข้างนอกมีอีกกี่คน วะ”

“ ยี่สิบครับนาย”ดูเหมือนคนของเสี่ยไกรศักดิ์จะสะดุ้งขึ้นพร้อมๆกัน

“ ดีออกไปบอกให้ทุกคนเตรียมพร้อม ถ้าแขกของเรายังช้าให้ส่งกำลังเสริมมาอีก

หนอยแน่ะ มาขู่เสือถึงถ้ำเหรอวะ แบบนี้ไม่รอดมาเยอะแล้ว”ลุงมีทำสีหน้าโหดเหี้ยมน่ากลัวสายชลเดินจากไปแล้ว

เป็นหน้าที่ของลุงมีที่จะจัดการต่อ เธอไม่เคนเห็นท่าทางแบบนี้ของลุงมีมาก่อน ต้องแอบกลั้นหัวเราะแทบแย่ แต่ก็

สะใจดี คนของเสี่ยไกรศักดิ์ลุกขึ้นทันทีด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ต้องจำใจกลับไป เพราะกลัวความไม่ปลอดภัยเช่นกัน

กลุ่มของลุงมีตามออกไปจนถึงรถเพื่อข่มขู่ ลูกน้องเสี่ยไกรศักดิ์จนลนลานรีบหนี คิดไม่ถึงเลยว่าเหตุการณ์จะกลับ

กลายเป็นเช่นนี้ กลายเป็นว่าโดนขู่กลับไป นึกไม่ถึงว่า

เจ้าของไร่เคียงดอยที่เป็นผู้หญิงจะนักเลงไม่กลัวใครได้ขนาดนี้ มิน่าล่ะถึงได้กล้าอยู่อย่างนี้แล้วนี่จะรายงานหัวหน้า

ได้ยังไงกัน เกือบเอาตัวไม่รอดทีเดียว ไม่นึกเลยว่านักเลงโดยอาชีพอย่างวิชิตจะมีวันนี้ เจ็บใจจริงๆและมันจำต้องรีบ

รายงานความก้าวหน้ากับเจ้านายให้รู้โดยด่วน

เสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมกันหลายเสียงที่ไร่เคียงดอย

“ลุงไม่คิดเลยนะครับว่าคุณสายชลจะนักเลงได้ขนาดนี้”

“บอกแล้วไงลุง ว่าฉันทำได้ทุกอย่างเพื่อปกป้องไร่เคียงดอย”

สายตาคนพูดแสดงความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว บอกให้รู้ว่าไม่กลัวเกรงอำนาจของใครทั้งสิ้น

“แต่ลุงนี่สิทำให้ฉันรู้สึกทึ่งมาก ไม่คิดเลยว่าลุงมีนี่แหละคือนักเลงตังจริง แต่เราประมาทไม่ได้แล้วล่ะ ลุงให้คนตรวจ

ตราดูเวรยามให้แน่นหนาเลยนะโดยเฉพาะช่วงนี้ฉันไม่ค่อยจะวางใจว่ามันจะยุติง่ายๆ”

“ครับคุณชล มีอะไรคุณชลสั่งมาได้เลย ผมและคนงานทุกคนพร้อมที่จะช่วยเป็นหูเป็นตา คุณชลสบายใจได้ เดี๋ยวอีก

สักครู่ผมจะเรียกประชุมคนงานผู้ชายเลยเพื่อเตรียมการให้พร้อม เราต้องป้องกันไว้ก่อน”

“ดีมากจ๊ะลุง ฉันเห็นด้วยแต่ก็อย่าให้แตกตื่นตกใจจนไม่เป็นอันทำงานล่ะ”

“งานนี้คงไม่ธรรมดาแล้วล่ะครับ ลองเสี่ยไกรศักดิ์ส่งคนมาขนาดนี้ ผมว่ามันไม่ยอมยุติแน่ๆ” สายชลมองหน้าลุงมีอด

รู้สึกไม่สบายใจไม่ได้

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ลุงน่ะนักเลงเก่านักเลงจริงๆด้วยสิครับคุณชลไม่ใช่นักเลงกระจอก ผมจะปกป้องไร่นี้จนสุด

ความสามารถไม่ให้ใครที่ไหนมามาทำอะไรได้ง่ายๆหรอก คุณสายชลเป็นคนดี สิ่งศักดิ์สิทธิย่อมเข้าข้างคนที่ทำความ

ดีและสุจริตเสมอครับคุณชล”

“ขอบใจลุงมีมากเลยนะ เมื่อลุงมีพูดแบบนี้ฉันวางใจและสบายใจมากเลยล่ะ ถ้าอย่างนั้นรายต่อๆไปฉันขอมอบให้ลุงมี

ซึ่งเป็นนักเลงตัวจริงจัดการแล้วกัน ให้มันจบไปเร็วๆฉันคิดว่ารายอื่นๆคงไม่มีปัญหาอะไร”

สายชลและลุงมีมองหน้ากันและต่างหัวเราะกับคำพูดติดตลกของสายชล

“ฉันขอตัวก่อนนะลุง”

“ครับคุณชล”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เจ้าของไดอารี่

กำลังทำอะไรอยู่
ไม่ได้อัพเดทสถานะมาช่วงหนึ่งแล้ว
624 วันที่ผ่านมา

สายน้ำและความทรงจำ
ความสนใจ:
เพลง, หนังสือ, ท่องเที่ยว, นิยาย/งานเขียน
<<มีนาคม 2557>>
อา. จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส.
      1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031

สถิติผู้เยี่ยมชม

ผู้เยี่ยมชมวันนี้ 28 คน
ผู้เยี่ยมชมทั้งหมด 209,464

ไดอารี่เพื่อนบ้าน

สายน้ำและความทรงจำ ยังไม่มีไดอารี่เพื่อนบ้าน

อัลบัมโหวตของ สายน้ำและความทรงจำ

สายน้ำและความทรงจำ ยังไม่มีอัลบัมโหวต

ไดอารี่ที่อัพเดทล่าสุด

โดย พงษ์ศักดิ์ หิรัญเขต
สายน้ำ กาลเวลา ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่เหมือนความรู้สึกในใจ ไม่ว่านานเท่าใด ยังอยู่ในใจเสมอ
';