ตอนที่ 3
“เห็นเธอนัดประชุมตอนเช้าอีกหน่อยก็คงลงมา”
“ก็ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรมากมายของเธอนะพ่อ คนอย่างเราบางทีก็เข้าไม่ถึงหรอก”
“ช่วยเธอดูแลบ้านให้ดีที่สุดก็พอแล้วแม่จันทร์ เดี๋ยวฉันจะไปเดินดูอะไรแถวๆนี้ก่อนแม่จันทร์เตรียมอาหารเช้าต่อเถอะ”
“จ่ะ” พยักหน้าตอบรับสามีพร้อมสารวนทำอาหารต่อไป
เมื่อสายชลเปลี่ยนชุดและทานอาหารเช้าเรียบร้อยเธอก็เดินไปที่ห้องประชุมที่ได้นัดกับลุงมีไว้ ซึ่งลุงมีก็ได้รออยู่ที่นั่น
เรียบร้อยแล้ว เธอยิ้มทักทายลุงมีพ่อบ้านและคนเก่าแก่
“ตื่นแต่เช้าเลยนะจ๊ะลุง”
“ครับคุณชลก็ตื่นแต่เช้าทุกวันเลย”
“ก็ตื่นแต่เช้ามันสดชื่นนี่จ๊ะ เราเริ่มกันดีกว่านะจะได้ไม่เสียเวลา”พูดพร้อมนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับลุงมี
“ลุงจ๊ะเราคงต้องประกาศรับพนักงานบัญชีเพิ่มอีกซักหนึ่งคนแล้วล่ะเพราะดอกอ้อคนเดียวคงไม่ไหวแล้วนะดูท่าจะ
งานหนักเกินไป เอาเป็นวุฒิ ป ว ส. ก็แล้วกัน เราลงประกาศตามหนังสือ แล้วก็วิทยุชุมชน เชื่อว่าไม่นานก็คงได้ เรื่อง
นี้แล้วแต่ลุงจะมอบหมายใครก็ได้นะคะ”
“ครับ”
“เรื่องต่อไปฉันอยากให้ลุงดำเนินการติดต่อคนงานก่อสร้าง เพื่อสร้างบ้านพักคนงานให้เร็วที่สุด เอาที่ดีที่สุดนะที่เรา
มั่นใจในฝีมือแล้ว เป็นผู้รับเหมาที่สร้างบ้านเคียงดาวและ
บ้านริมชลให้ฉันก็ได้ ฝีมือดีทีเดียว เดี๋ยวแบบบ้านฉันจะออกแบบเอง อยากให้สวยงามน่าอยู่ โดยเฉพาะด้าน
ประโยชน์ใช้สอยต้องคุ้ม พวกเขาจะต้องอยู่อย่างมีความสุข ฉันอยากให้พวกเขารักที่นี่เหมือนบ้านของเขาจริงๆ”
“เป็นเงินไม่น้อยเลยนะครับคุณชล ผมว่า”
“ถึงจะต้องจ่ายเยอะแต่ก็ต้องสร้างเพราะมันถึงเวลาแล้วนะลุง บ้านพักชั่วคราวมันดูทรุดโทรมมากแล้วนะลุง และมันก็
ไม่เป็นสัดส่วน ไม่ค่อยน่าอยู่เลย ไหนๆจะสร้างทั้งทีก็ต้องทำให้มันดีไปเลยอยู่ได้จนชั่วลูกชั่วหลานโน่นแหละ วาง
แปลนให้ดีตั้งแต่ตอนนี้ต่อไปจะปลูกสร้างอะไรที่ตรงไหน ก็เป็นระเบียบสวยงาม จริงไหมจ๊ะลุง”
“ครับก็จริง เพียงแต่ลุงกลัวคุณชลต้องจ่ายเป็นจำนวนมาก”
“ฉันมีนะลุงเงินที่เราทำไร่ในแต่ละปีก็มิใช่น้อย อีกอย่างลุงลืมหรือเปล่าว่าฉันน่ะศิลปินระดับประเทศนะ ถ้าฉันบอกว่า
ฉันยินดีจ่ายลุงไม่ต้องห่วงเลยนะ ลุงก็เห็นว่าพวกเขาลำบาก มีอาชีพรับจ้าง อยู่กับเรามานาน ผ่านการทดสอบมา
หลายครั้งถ้าไม่มีพวกเขาเราก็ลำบากเหมือนกัน การหาคนงานมีฝีมือ ซื่อสัตย์ ขยันขันแข็ง มันไม่ได้หาง่ายๆนะลุง
และพวกเขายังจะได้ช่วยเราดูแลไร่ด้วย ลุงลองมองดูพื้นที่ๆติดกับเราสิไม่ว่าจะเป็นด้านซ้าย ขวา หน้า หลังของพวก
เราล้วนเป็นของพวกนายทุนไปเรียบร้อยแล้วฉันว่าลุงเองก็คิดเหมือนฉัน รักที่นี่เหมือนกัน ลุงมีจ๊ะ เมื่อพวกเขาเกิด
ความมั่นคงมีชีวิตที่ดีขึ้น เขาจะรักที่นี่ และเขานั่นแหละที่จะช่วยเราเป็นหูเป็นตา เป็นรั้วที่แข็งแกร่งสำหรับบ้านไร่เคียง
ดอย”
“ครับลุงก็เชื่อในการตัดสินใจของคุณชล เพราะลำพังลุงเองก็คงได้แค่ดูแลคนงาน ทำไร่ไปวันๆ คงไม่มีปัญญาไปคิด
ทางหนีทีไล่อะไรหรอกครับ ลุงกับป้าจันทร์ไม่อยากให้คุณชลไปไหนจริงๆนะครับ”
“ใครบอกคะ ลุงมีนั่นแหละเป็นคนที่ดูแลไร่นี้แทนฉันได้ดีมาก และฉันก็มั่นใจว่าลุงมีเป็นคนที่กว้างขวางมากทีเดียวคน
หนึ่ง เพราะฉะนั้นเรามาช่วยกันปกป้องไร่ของเรา ฉันไม่หนีไปไหนหรอกถ้าไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัยของไร่”
“คุณชลครับลุงกับป้าจันทร์ และคนงานทุกคน ซาบซึ้งและดีใจที่มีคุณชลเป็นนายของบ้านไร่เคียงดอย คงไม่มีสิ่ง
ไหนประเสริฐไปกว่านี้อีกแล้ว”
“ลุงมีกับป้าจันทร์เป็นคนเก่าแก่ของพ่อกับแม่ ขยันซื่อสัตย์ ดูแลไร่ให้ฉัน จนเจริญก้าวหน้า ตั้งแต่เราเริ่มต้น ตอนที่
คุณพ่อกับคุณแม่ ไม่เห็นด้วยกับความคิดของฉันที่จะทำไร่อยู่ที่นี่ ก็ได้ลุงกับป้าที่ช่วยสนับสนุนความคิดของฉัน จน
ท่านอนุญาต ฉันอยากบอกว่าฉันเชื่อมั่นในตัวลุงมีมากเลยนะ เราทุกคนที่นี่เหมือนญาติพี่น้องกันนะจ๊ะลุง ชาติก่อนคง
เคยทำบุญร่วมกันมาจึงได้มาอยู่ร่วมกัน มีโอกาสได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันลุงว่าจริงไหม”
“จริงครับ” ลุงมียิ้มๆพยักหน้าเห็นด้วยกับเจ้านาย
“เป็นอันว่าจัดการตามที่คุยกันนี่แหละถ้ามีอะไรอีกเดี๋ยวเราค่อยปรึกษากันอีกทีนะ”
“ครับคุณชล ถ้างั้นลุงขอตัวไปตรวจดูความเรียบร้อยในไร่ก่อนนะครับ”
“จ๊ะเชิญเลย จ๊ะลุง”
“สวัสดีครับคุณแม่” เสียงทุ้มนุ่มนวลที่ดังมาตามสายนั้นทำให้คุณประไพถึงกับยิ้มออก
“ว่าไงลูก ตาชาติ โทรมาแต่เช้าเชียวนะ ทานข้าวรึยัง”
“กำลังรออยู่ครับ ลูกน้องเขากำลังออกไปซื้อมาให้”
“มีแต่ผู้ชายก็อย่างนี้แหละไม่มีคนดูแล เอะอะก็ต้องซื้อ ทานแต่กับข้าวถุงพลาสติกจะอร่อยและมีประโยชน์อย่างไร
กัน” เสียงคุณประไพบ่นมาตามสายด้วยความเป็นห่วงบุตรชาย ถึงแม้เขาจะอายุมากแล้วมีหน้าที่การงานที่ไม่ทำให้
ต้องห่วงอะไรแต่คุณประไพก็อดที่จะห่วงใยบุตรชายไม่ได้ เนื่องจากยังใช้ชีวิตโสดโดยไม่มีทีท่าว่าจะแต่งงานเสียที
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณแม่ผมกำลังมองหาสะใภ้ให้คุณแม่อยู่ครับ”เสียงธนชาติหัวเราะมาตามสายด้วยความ
อารมณ์ดี
“ไม่ต้องหัวเราะหรอกนะแม่รู้ว่าลูกพูดเล่น ทำแต่งานอยู่นั่นแหละรู้ไหมอายุเริ่มมากแล้วนะ แม่อยากอุ้มหลานเต็มที
เอาไหมเพื่อนแม่เค้ามีลูกสาวสวยๆหลายคนเดี๋ยวแม่จะติดต่อนัดแนะให้ลูกเอง รับรองเรียบร้อยถูกใจลูกแน่นอน”
เสียงมารดาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและความหวังว่าบุตรชายจะตามใจเสียที ตัวเขาเองก็รู้สึกเห็นใจมารดา
เหมือนกันแต่ถ้าจะให้แต่งงานกับผู้หญิงที่มารดาเลือกให้ก็คงจะไม่ คนอย่างเขาถ้าจะแต่งงานทั้งทีผู้หญิงคนนั้นจะ
ต้องเป็นคนที่เขารักอย่างสุดหัวใจเท่านั้น คงไม่ใช่จะแต่งเพื่อความเหมาะสมแต่อย่างใดไม่
“ไม่นานหรอกครับแม่ผมสัญญาว่าผมจะหาผู้หญิงที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมาเป็นลูกสะใภ้ให้คุณแม่แน่นอน”
“ขอให้จริงเถอะแม่จะได้สบายใจเสียที แม่กลัวว่าลูกจะเสียทีแม่พวกผู้หญิงเปรี้ยวๆสมัยใหม่เหล่านั้นเสียก่อน ได้ข่าว
เหมือนกันนะว่าเยอะทีเดียวไม่ใช่เหรอ”
“รู้ทุกอย่างเลยนะครับ คุณแม่มาเป็นตำรวจแทนผมดีไหมครับรับรองด้านสืบสวนสอบสวนนี่คงไม่มีใครสู้คุณแม่ได้”
“ไม่ต้องมาประชดแม่หรอกนะ แม่จะเป็นแบบนี้จนกว่าลูกจะแต่งไปแล้วโน่นแหละถึงจะเลิกยุ่ง”
“ผมยินดีให้คุณแม่ทำแบบนี้ไปตลอดชีวิตเลยครับ วันไหนไม่ได้ยินเสียงคุณแม่ผมรู้สึกว่าเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง
กินไม่ได้นอนไม่หลับ ยังไงก็ไม่รู้ครับ”
“พอแล้วล่ะฟังลูกพูดแล้วแม่ปวดหัว เดี๋ยวแม่จะไปตรวจงานเสียหน่อย แค่นี้ก่อนนะลูก”
“ครับผม สวัสดีครับ” คุณประไพคุณแม่ของสารวัตรธนชาติมีธุรกิจเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ของจังหวัดทีเดียว มี
ลูกน้องและคนงานเป็นจำนวนมากและอีกอย่างก็คือ
เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ แต่ธนชาติเองที่เป็นบุตรชายคนโตกลับเลือกที่จะรับราชการแทนการทำธุรกิจเพราะ
ฉะนั้นคนที่จะสืบทอดกิจการของทางบ้าน ก็คงหนีไม่พ้นธนชัย น้องชายของเขาที่จะจบปริญญาตรีสาขาบริหารธุรกิจ
จากอเมริกาในเร็วๆนี้ตัวเขาเองจึงไม่รู้สึกห่วงอะไรในเรื่องธุรกิจครอบครัว
ร่างเพรียวระหงส์ นั่งกึ่งเอนพิงเบาะโซฟาที่มีหมอนผ้าฝ้ายสีครีมอ่อนปักลวดลายดอกไม้สีสันสวยงาม แจกันบนโต๊ะ
ปักดอกกุหลาบหลากสีอยู่ห้าดอก มีใบเฟริน์สวยๆสีเขียวสดปักแซมอยู่ป้าจันทร์คงให้ใครตัดมาปักไว้เมื่อเช้านี้ ถัด
จากโต๊ะที่วางแจกันที่เป็นโต๊ะทำงานของสายชล มีอ่างแก้วใสขนาดกลางๆตั้งไว้มีดอกลีลาวดีสีขาวลอยอยู่ แน่นอน
ป้าจันทร์อีกนั่นแหละที่รู้ดีว่าสายชลชอบลีลาวดีสีขาว คงเป็นต้นที่อยู่ตรงริมทางขึ้นบ้านเคียงดาวนั่นเอง เพราะต้น
อื่นๆที่กระจายกันอยู่แถวบ้านนั้นไม่ใช่สีขาว สายชลชอบสีขาวเพราะมันแลดูบริสุทธิและมีกลิ่นหอมอ่อนๆถูกใจนัก
เดี๋ยวจะขอให้ป้าจันทร์จัดไปไว้ในห้องนอนอีกหนึ่งชุด ตรงหัวที่นอนนั่นแหละท่าจะดี เพราะกลิ่นหอมอ่อนๆของ
ลีลาวดีน่าจะทำให้หลับสบาย ขณะที่กำลังนั่งคิดอะไรเพลินอยู่นั้น ป้าจันทร์ก็เดินเข้ามาในห้องทำงานและรายงานว่า
“ คุณชลคะมีแขกมาขอพบค่ะ”
“ใคร” เสียงถามเบาๆโดยที่ยังมองดอกลีลาวดีที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำในอ่างแก้วใส
“เห็นบอกว่ามาจากบริษัทธาราคอเปอร์เรชั่นค่ะ”
“บอกไหมว่าธุระอะไร” หันมามองหน้าผู้เข้ามารายงาน
“ถามแล้วค่ะ แต่แจ้งแค่ว่าอยากพบเจ้าของบ้าน”
“คงเป็นพวกติดต่อเรื่องที่นี่แหละ”
“ให้ป้าไปบอกให้เขากลับไปไหมคะ บอกว่าคุณไม่รับแขก” พูดเสร็จมองหน้าผู้เป็นเจ้านาย
สายชลหยุดคิดนิดหนึ่ง
“บอกเขาให้รอที่ห้องรับแขกนั่นแหละเดี๋ยวฉันไป”
“ค่ะ” ตอบรับคำสั่งพร้อมรีบออกไปทำหน้าที่ทันที
“กาแฟค่ะ รอสักครู่นะคะเดี๋ยวท่านมา”
“ครับ ขอบคุณครับคุณแม่บ้าน”แขกที่มาขอพบสายชลนั้นเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมผิวขาว ท่าทางสุภาพเรียบ
ร้อยในความคิดของป้าจันทร์เมื่อเสริฟกาแฟเรียบร้อยนางจึงถอยออกไปรอดูความเรียบร้อยอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง
เพื่อรอบริการเจ้านายสิบนาทีที่ผ่านไปไม่ได้ช่วยให้ผู้ที่รอรู้สึกดีขึ้นแต่อย่างใดเลย ตรงกันข้ามกับทำให้รู้สึกกระสับ
กระส่ายมากยิ่งขึ้น การเจรจาครั้งนี้จะปรากฏผลในลักษณะใดนั้นย่อมมีผลต่อเขาทั้งสิ้นมีผลต่อชีวิตการทำงานและ
ตัดสินอนาคตความก้าวหน้าของเขาโดยแท้ทีเดียว
“สวัสดีค่ะ”
“ครับสวัสดีครับ กระผมมาขอพบท่านเจ้าของบ้านและเจ้าของไร่เคียงดอยครับ”
คนตอบมองหน้าผู้เดินเข้ามาใหม่พร้อมบอกจุดประสงค์อย่างไม่มั่นใจนัก
สายชลเดินมานั่งที่เก้าอี้รับแขกที่ตรงกันข้ามกับแขกผู้มาเยือน สีหน้าของเธอเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกใด
“ดิฉัน สายชลเจ้าของบ้านนี้ และเป็นเจ้าของไร่เคียงดอย ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรกับดิฉันคะ” ตอบไปเช่นนั้นและ
มองสบตาผู้มาเยือนจนอีกฝ่ายต้องเป็นฝ่ายหลบก่อน
“เอ้อ” ประวิทย์รู้สึกทึ่งมากกับความรู้ที่ได้รับใหม่ ถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วครู่ แต่เขาก็เก็บซ่อนความรู้สึกไว้ได้อย่างรวด
เร็วกับบุคลิกนักธุรกิจเช่นเขา
“ผมนึกว่าท่านเจ้าของไร่จะเป็นผู้อาวุโสมีอายุมากเสียอีก คาดไม่ถึงว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่และอายุยังน้อยเช่นนี้”
“ไม่เป็นไรค่ะทุกคนมีสิทธิคิดและเข้าใจอย่างไรก็ได้ ถ้ายังไม่มีข้อมูลที่ถูกต้อง”สายชลยิ้มให้แขกผู้มาเยือนนิดหนึ่ง
เพราะเธอรู้สึกว่าเขาดูเป็นผู้ใหญ่และสุภาพพอสมควรที่จะได้รับเกียรติ ถึงแม้เธอพอจะทราบวัตถุประสงค์การมาของ
เขาในวันนี้ก็ตาม
“เชิญพูดธุระของคุณมาได้ค่ะ”
“ครับ” ผู้มาเยือนแทบปรับสีหน้าไม่ทัน
“ก่อนอื่นผมต้องขอแนะนำตัวก่อน ผมชื่อประวิทย์ครับเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทธาราคอร์เปอร์เรชั่นจำกัด คือ
คุณสายชลก็คงทราบดีใช่ไหมครับตอนนี้มีหลายบริษัทต้องการที่ตรงนี้มาก”
“เอ่อ “ แล้วอาการพูดไม่ออกก็เกิดกับประวิทย์ผู้จัดการที่มากด้วยประสบการณ์ เพราะเมื่อมองสบสายตาที่เหมือนมีไฟ
เป็นกองลุกอยู่ในนั้น
“ครับ กระผมหมายถึงไร่เคียงดอย”
“ทั้งๆที่ก็ไม่มีคนที่นี่ประกาศว่าต้องการขายเลยอย่างนั้นหรือ คุณประวิทย์”เสียงถามฟังดูห้วนๆ
“ผมอยากเรียนให้คุณสายชลทราบนะครับว่าเรามีข้อเสนอดีๆ”
“ฉันไม่เคยสนใจข้อเสนออะไรของใครทั้งสิ้น ไม่ว่าบริษัทนี้หรือบริษัทไหนและที่ฉันยอมพบกับคุณก็เพราะอยากให้
คุณบอกเจ้าของบริษัทว่าอย่าได้ส่งใครมารบกวนฉันอีก”
“ถึงอย่างไรคุณก็ต้องได้รับผลกระทบแม้จะไม่ใช่บริษัทของผมก็ตาม”ประวิทย์ยังไม่เลิกความพยายาม
“เอาเถอะเมื่อตัดบริษัทของคุณออกไปสักบริษัทฉันคิดว่ามันจะดีขึ้นเรื่อย ๆและฉันก็ไม่เคยกลัวเพราะที่นี่เป็นบ้านของ
ฉันเป็นที่ๆฉันเกิดและฉันไม่มีวันที่จะขายที่แปลงนี้ เพื่อตอบสนองความอยากของคนโลภหรอก”
โรงแรมขนาดใหญ่สูงเสียดฟ้าจะถูกสร้างขึ้น บดบังทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่ทัศนียภาพที่สวยงาม ความเป็นธรรมชาติจะ
ถูกทำลายไปต้นไม้จำนวนมากที่ต้องถูกโค่นลงและทดแทนด้วยสิ่งปลูกสร้างมากมาย แค่คิดความเดือดดาลก็แทนที่
ความรู้สึกทั้งหมดความตั้งใจว่าจะใจเย็นที่สุดไม่รู้หายไปไหน
“เชิญคุณกลับไปเถอะ”
“โปรดฟังผมอีกสักนิดเถอะครับคุณสายชล”
“ไม่มีประโยชน์หรอกฉันพยายามใจเย็นที่สุดแล้ว”
สายชลมองหน้าแขกผู้มาเยือนอย่างจริงจัง จนคนถูกมองต้องเป็นฝ่ายหลบก่อนพร้อมทั้งยอมรับในใจว่า ผู้หญิงคนนี้
ช่างมีอำนาจในตัวเอง เต็มไปด้วยความมั่นใจ เข้มแข็งจนเกินกว่าคนในวัยเดียวกัน ตัวเขาเองยังไม่เคยเห็นผู้หญิงที่
เต็มไปด้วยพลังอำนาจเช่นนี้
“ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณครับคุณสายชล ผมจะกลับไปเรียนเจ้านายตามที่คุณบอกทุกประการและผมขอให้คุณ
โชคดีครับ
ประวิทย์ลุกขึ้นจากไปแล้วโดยไม่คิดที่จะตอแยให้เจ้าของบ้านเกิด ความรำคานอีกแต่ประการใดเพราะรู้แล้วว่าคงไม่
เกิดผลอะไรแน่นอนกับสายตาที่เข้มแข็งและมุ่งมั่นเช่นนั้น
สายชลเดินออกมาสูดอากาศนอกบ้านเพื่อเรียกกำลังใจ และบอกกับตัวเองว่านี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น ดอกโมกหอมใน
กระถางริมทางเดินจัดตั้งเป็นแถวคู่กันทั้งสองข้างนับสิบกระถางกลิ่นของมันหอมอ่อนๆ เธอเดินเข้าไปใกล้ๆรู้สึกสบาย
ใจขึ้นที่ได้สูดกลิ่นของมันเข้าไป เธอเด็ดดอกโมกหอมเล็กๆนั่นนับสิบดอกไว้ในอุ้งมือมองดูมันเหมือนพยายามปรับ
ความรู้สึกบางอย่างสายลมพัดมาแผ่วเบารู้สึกสดชื่นขึ้น เธอยิ้มและให้กำลังใจกับตนเอง ผีเสื้อปีกบางๆสีเหลืองบิน
ผ่านหน้าเธอไป และไม่นานก็มีอีกตัวหนึ่งสีเดียวกันบินตามไป เธออดที่จะมองตามไปไม่ได้ มันบินไปทุกๆมุมที่มีดอก
ไม้สีสันสดใส
“อิสรภาพที่สวยงาม เธอลำพึงกับตนเอง”
ถัดจากตรงนี้ไปเป็นต้นแสงจันทร์สีของมันเหลืองอมเขียวแลดูกระจ่างตาสมชื่อ ใครนะช่างเข้าใจตั้งชื่อจริงๆ คิดและ
นึกถามตัวเองอยู่ในใจ
“คุณคะมีคนมาขอพบค่ะ” สายชลมองเห็นป้าจันทร์ท่าทางตระหนก
“ใครอีก” นึกถามตัวเองในใจว่านี่มันวันอะไรกันนะ
“บอกว่าเป็นคนของเสี่ยไกรศักดิ์ มากันสามคน”
“ป้ารู้จักไหมเสี่ยไกรศักดิ์นี่นะ” สายชลมองหน้าป้าจันทร์ที่แลดูไม่สู้ดีนัก
“เป็นพวกมีอิทธิพลค่ะ มีธุรกิจมากมาย แต่ไม่ใช่คนดี เป็นเจ้าพ่อนักเลง ไม่นึกว่าแกก็จะสนใจเหมือนกันทำยังไงดีคะ
คุณ ป้าว่ามันน่ากลัว”
สายชลหยุดคิดนิดหนึ่งทิ้งดอกไม้ที่อยู่ในมือลงกับพื้น ดอกโมกดอกเล็กๆหล่นลงเกลื่อนปะปนกับต้นหญ้าบนพื้นดิน
โดยผู้เป็นเจ้าของเลิกสนใจมันอีกต่อไปเนื่องจาก
อารมณ์สุนทรีย์ได้ถูกทำลายไปหมดแล้วกับการมาเยือนของแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
“ฉันจะออกไปคุยกับพวกเขาเองกลัวอะไร บ้านเราเองแท้ๆให้มันรู้ไปว่าคนเราจะมารุกรานกันได้ถึงบ้านช่องเชียวหรือ
ถ้าเราหลบมันจะได้ใจ หาว่าเรากลัวมันจนหงอ เดี๋ยวก็มาใหม่ จนกว่าจะเจอจนได้ นักเลงเหรอคอยดูว่าจะสู้สายชลได้
ไหม ใครคือนักเลงตัวจริง”
“โธ่คุณคะ เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ นั่นน่ะมีแต่ผู้ชาย ป้าว่ามันเป็นมือปืนด้วยแน่เลยท่าทางมันน่ากลัว”เสียงป้าจันทร์ครวญ
ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ทีเดียวแต่มองดูเจ้านายยังเห็นสีหน้าเรียบเฉย
“ป้าจันทร์ให้คนไปบอกลุงมีเร็วที่สุด เอาคนของเรามา สักสี่ห้าคนเลือกเอาที่ดูหน้าตาดุๆกว่าไอ้พวกนั้นภายในห้านาที
นะ ฉันจะไปรับหน้าพวกมัน ให้นักเลงคอยนานเดี๋ยวจะไม่ดี”
“ได้ค่ะคุณ ระวังตัวด้วยนะคะ”
เมื่อสายชลเดินมาถึงห้องรับแขกก็ได้พบกับคนของเสี่ยไกรศักดิ์สามคนที่รออยู่แล้วโดยมีนายชิด มือขวาของเสี่ยไกร
ศักดิ์พร้อมลูกน้องอีกสองคน น่าตาดูไม่น่าไว้วางใจ แต่สายชลไม่เคยนึกกลัวเธอไม่เคยคิดว่าใครจะกล้ามาทำอะไร่
เธอได้ในเขตบ้านของเธอเอง
“ฉันสายชลเจ้าของไร่เคียงดอย ต้องการพบฉันมีธุระอะไร”
คนของเสี่ยไกรศักดิ์ มองสายชลด้วยสายตาลามเลียไม่สุภาพ
“เจ้าของไร่เคียงดอยไม่คิดเลยนะครับว่าจะสวยขนาดนี้”
สายชลมองคนทั้งสามด้วยสายตาที่ดูหมิ่นและไม่เป็นมิตร
“พูดธุระของพวกคุณมา” นายชิดหัวเราะขึ้นเสียงดังฟังแล้วน่าเกลียด และลูกน้องทั้งสองที่ติดตามมาด้วยก็หัวเราะ
ตามลูกพี่โดยไม่มีความจำเป็น
“ผม วิชิตคนของเสี่ยไกรศักดิ์ ผมคิดว่าคุณคงรู้จักดี”
“เสียใจด้วยนะฉันไม่รู้จักเสี่ยไกรศักดิ์เลย เขาคือใคร”
นายวิชิดกำลังจะอ้าปากหัวเราะแต่เกิดเปลี่ยนใจแล้วหยุดกลางคัน
“อะไรกันครับคุณสายชล ใครที่ไหนจะไม่รู้จักเสี่ยไกรศักดิ์ ล้อเล่นรึเปล่า”
“พวกนายไม่ใช่เพื่อนเล่นของฉัน เพราะฉะนั้นจึงไมมีการล้อเล่น และส่วนใหญ่ฉันก็รู้จักแต่คนดี เจ้านายพวกนายเป็น
คนแบบไหนกันทำไมฉันจึงไม่รู้จัก”
“นี่พวกผมพูดกับคุณดีๆนะคุณสายชล”
“แล้วฉันพูดไม่ดีตรงไหน” สายชลเห็นลูกน้องของนายวิชิตขยับตัวและเปิดเสื้อแจ๊กเก็ตที่สวมอยู่ออก สายตาของสาย
ชลเหลือบไปเห็นปืนที่เหน็บอยู่เอวของทั้งสองคน สายชลรู้ว่าพวกนี้ต้องการให้เธอเห็น ดังนั้นเธอจึงควบคุมสติและ
บอกตัวเองให้นิ่งมากที่สุดเพื่อไม่แสดงความรู้สึกว่ากลัวออกมาให้พวกมันเห็นเป็นอันขาด
“คุณจะไม่เชิญแขกนั่งเพื่อคุยกันตามประสาเจ้าบ้านที่ดีหรือคุณสายชล สวยๆอย่างคุณนี่ไม่น่าจะไม่รู้จักมารยาทเลย
นะครับ” ใช้คำพูดธรรมดาแต่สายตานั้นกลับแลดูเยือกเย็น
“ถ้าอยากจะนั่งก็เชิญสิ”สิ้นเสียงของสายชลเสียงหัวเราะที่น่าเกลียดทั้งสามก็ประสานกันขึ้น
“เสี่ยต้องการที่ไร่ของคุณ เรายินดีจ่ายตามราคาที่เหมาะสม”
“ต่อให้นายไกรศักดิ์ขายทุกอย่างที่มีจนหมดตัวก็ไม่พอซื้อที่แปลงนี้หรอก และฉันก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรถึงจะต้อง
ขายที่ตรงนี้ กลับไปบอกนายไกรศักดิ์ว่าฉันมีเงินมากพอที่จะซื้อกิจการทุกอย่างของเขา อย่าส่งคนมาที่นี่อีก”
ลูกน้องทั้งสองที่ติดตามนายวิชิตมาลุกขึ้นพร้อมกัน แต่นายวิชิตยกมือขึ้นปรามไว้ทั้งสองจึงนั่งลงตามเดิม
“พูดกันดีๆและฟังง่ายๆดีกว่านะครับคุณสายชลถ้าไม่อยากเดือดร้อน ถึงคุณจะมีเงินแต่เงินก็อาจจะไม่สามารถคุ้ม
ครองคุณได้ เพราะคุณเป็นเพียงผู้หญิงคนเดียว”
“สายชลลุกขึ้นด้วยความโมโหและขณะนั้นลุงมีพร้อมด้วยคนงานผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่จำนวนห้าคนก็เดินเข้ามาหยุดอยู่
ข้างหลังสายชล ทุกสายตาจ้องมองผู้มาเยือนด้วยสายตาโหดเหี้ยม และพร้อมที่จะจัดการกับผู้มาเยือนได้ตลอดเวลา
“อ้อ ไม่ธรรมดาเหมือนกันนี่คุณ มิน่าล่ะดูท่าทางไม่รู้จักเกรงกลัว”
“ฉันไม่เคยกลัวใครที่นี่บ้านของฉัน พวกนายต่างหากที่จะต้องกลัวที่เข้ามาในเขตไร่ของฉัน ฝากบอกนายไกรศักดิ์ถ้า
ไม่อยากเดือดร้อนอย่ามายุ่งกับฉัน ถ้าส่งคนมาอีกจะเจอข้อหาบุกรุกระวังไว้ คนของฉันมีเป็นร้อยนี่แค่ตัวอย่าง” สาย
ชลมองเห็นความลุกลี้ลุกลนของทั้งสาม
“กลับไปบอกเจ้านายแกซะว่าถ้าเป็นสุภาพบุรุษจริงอย่าส่งคนมาข่มขู่ผู้หญิง รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น”
พูดเสร็จสายชลก็ลุกขึ้น ปลายตาไปทางลุงมีและคนงานทั้งห้าที่แสดงทีท่าว่าพกปีนอยู่ข้างในเสื้อแจ๊กเก็ทเหมือนกัน
ทำเอาคนของเสี่ยไกรศักดิ์หน้าถอดสีไปตามๆกัน
ลุงมีช่วยฉันส่งแขกหน่อย เอาให้ประทับใจเลยนะ ส่งให้ถึงรถทีเดียว”
ลุงมีแสร้งทำเป็นหันไปถามลูกน้องที่มาด้วย
“เฮ้ย ที่ให้ซุ่มรอคำสั่งอยู่ข้างนอกมีอีกกี่คน วะ”
“ ยี่สิบครับนาย”ดูเหมือนคนของเสี่ยไกรศักดิ์จะสะดุ้งขึ้นพร้อมๆกัน
“ ดีออกไปบอกให้ทุกคนเตรียมพร้อม ถ้าแขกของเรายังช้าให้ส่งกำลังเสริมมาอีก
หนอยแน่ะ มาขู่เสือถึงถ้ำเหรอวะ แบบนี้ไม่รอดมาเยอะแล้ว”ลุงมีทำสีหน้าโหดเหี้ยมน่ากลัวสายชลเดินจากไปแล้ว
เป็นหน้าที่ของลุงมีที่จะจัดการต่อ เธอไม่เคนเห็นท่าทางแบบนี้ของลุงมีมาก่อน ต้องแอบกลั้นหัวเราะแทบแย่ แต่ก็
สะใจดี คนของเสี่ยไกรศักดิ์ลุกขึ้นทันทีด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ต้องจำใจกลับไป เพราะกลัวความไม่ปลอดภัยเช่นกัน
กลุ่มของลุงมีตามออกไปจนถึงรถเพื่อข่มขู่ ลูกน้องเสี่ยไกรศักดิ์จนลนลานรีบหนี คิดไม่ถึงเลยว่าเหตุการณ์จะกลับ
กลายเป็นเช่นนี้ กลายเป็นว่าโดนขู่กลับไป นึกไม่ถึงว่า
เจ้าของไร่เคียงดอยที่เป็นผู้หญิงจะนักเลงไม่กลัวใครได้ขนาดนี้ มิน่าล่ะถึงได้กล้าอยู่อย่างนี้แล้วนี่จะรายงานหัวหน้า
ได้ยังไงกัน เกือบเอาตัวไม่รอดทีเดียว ไม่นึกเลยว่านักเลงโดยอาชีพอย่างวิชิตจะมีวันนี้ เจ็บใจจริงๆและมันจำต้องรีบ
รายงานความก้าวหน้ากับเจ้านายให้รู้โดยด่วน
เสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมกันหลายเสียงที่ไร่เคียงดอย
“ลุงไม่คิดเลยนะครับว่าคุณสายชลจะนักเลงได้ขนาดนี้”
“บอกแล้วไงลุง ว่าฉันทำได้ทุกอย่างเพื่อปกป้องไร่เคียงดอย”
สายตาคนพูดแสดงความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว บอกให้รู้ว่าไม่กลัวเกรงอำนาจของใครทั้งสิ้น
“แต่ลุงนี่สิทำให้ฉันรู้สึกทึ่งมาก ไม่คิดเลยว่าลุงมีนี่แหละคือนักเลงตังจริง แต่เราประมาทไม่ได้แล้วล่ะ ลุงให้คนตรวจ
ตราดูเวรยามให้แน่นหนาเลยนะโดยเฉพาะช่วงนี้ฉันไม่ค่อยจะวางใจว่ามันจะยุติง่ายๆ”
“ครับคุณชล มีอะไรคุณชลสั่งมาได้เลย ผมและคนงานทุกคนพร้อมที่จะช่วยเป็นหูเป็นตา คุณชลสบายใจได้ เดี๋ยวอีก
สักครู่ผมจะเรียกประชุมคนงานผู้ชายเลยเพื่อเตรียมการให้พร้อม เราต้องป้องกันไว้ก่อน”
“ดีมากจ๊ะลุง ฉันเห็นด้วยแต่ก็อย่าให้แตกตื่นตกใจจนไม่เป็นอันทำงานล่ะ”
“งานนี้คงไม่ธรรมดาแล้วล่ะครับ ลองเสี่ยไกรศักดิ์ส่งคนมาขนาดนี้ ผมว่ามันไม่ยอมยุติแน่ๆ” สายชลมองหน้าลุงมีอด
รู้สึกไม่สบายใจไม่ได้
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ลุงน่ะนักเลงเก่านักเลงจริงๆด้วยสิครับคุณชลไม่ใช่นักเลงกระจอก ผมจะปกป้องไร่นี้จนสุด
ความสามารถไม่ให้ใครที่ไหนมามาทำอะไรได้ง่ายๆหรอก คุณสายชลเป็นคนดี สิ่งศักดิ์สิทธิย่อมเข้าข้างคนที่ทำความ
ดีและสุจริตเสมอครับคุณชล”
“ขอบใจลุงมีมากเลยนะ เมื่อลุงมีพูดแบบนี้ฉันวางใจและสบายใจมากเลยล่ะ ถ้าอย่างนั้นรายต่อๆไปฉันขอมอบให้ลุงมี
ซึ่งเป็นนักเลงตัวจริงจัดการแล้วกัน ให้มันจบไปเร็วๆฉันคิดว่ารายอื่นๆคงไม่มีปัญหาอะไร”
สายชลและลุงมีมองหน้ากันและต่างหัวเราะกับคำพูดติดตลกของสายชล
“ฉันขอตัวก่อนนะลุง”
“ครับคุณชล”