หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
ดูรายการโปรด เพิ่มเป็นรายการโปรด

เก็บรักไว้ที่ปลายรุ้ง ตอนที่ 2

วันที่ 29 มีนาคม 2557

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 2

.................................................

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“ฮัลโหล”

“ครับผมประวิทย์พูดครับท่าน”

“ว่าไงคุณประวิทย์ตอนนี้ดำเนินการถึงไหนแล้ว”

“ตอนนี้ผมกำลังพยายามติดต่อเพื่อขอพบเจ้าของไร่ครับท่าน”

“รีบๆหน่อยนะผมหวังมากว่าครั้งนี้คุณจะไม่พลาด ที่ดินราคางามๆอย่างนี้เป็นใครคงไม่ปฏิเสธ”

“ท่านครับมันไม่ได้มีแค่บริษัทของเราเท่านั้นนะครับ ที่ต้องการที่แปลงนั้น”

“ผมขอพูดสั้นๆนะคุณประวิทย์เราจะต้องได้ที่แปลงนั้นเราจะไม่พลาด บริษัทธาราคอร์เปอร์เรชั่น จะต้องเป็นเจ้าของที่

แปลงนั้นแค่นี้นะผมจะรอฟังข่าวดีจากคุณ”

“ ครับสวัสดีครับท่าน” เฮ้อ เจ้านายเรานี่นะทำไมรู้จักแต่ความสำเร็จอย่างเดียว งานนี้ดูไม่ธรรมดาด้วยสิ จะทำยังไงดี

นะเรา เอาไงเอากันไม่ลองไม่รู้ ประวิทย์พูดพึมพำกับตัวเอง รู้สึกสังหรณ์ใจอย่างไรชอบกล

 

 

บรรยากาศงานเลี้ยงคืนนี้เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ทุกคนดื่มกินสนุกสนานกันอย่างเต็มที่ ป้าจันทร์อีกทั้งสมจิต

หลานสาวของป้าจันทร์ อ้อนและคนงานผู้หญิงอีกหลายคนช่วยกันเตรียมอาหาร จนเพียงพอกับทุกๆคน ผู้ชายช่วย

กันเตรียมสถานที่ อีกกลุ่มก็ย่างหมูหัน จนสุขหอมน่ากิน และนอกจากนั้นก็มีอาหารอื่นๆอีกเช่นกุ้ง หอย ปู ปลาทั้งต้ม

และย่าง ผลไม้อีกทั้งเครื่องดื่มก็เพียบพร้อม เมื่อความมืดเริ่มมาเยือน กองไฟก็ได้ถูกจุดขึ้น ณ ลานเคียงดาว มีเสียง

เพลงคลอเบาๆ เสียงพูดคุยและหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสุข ท้องฟ้าคืนนี้เต็มไปด้วยดวงดาวสว่างไสวเรืองรอง

บรรยากาศแบบนี้แหละที่ต้องการสายชลบอกกับตัวเองเช่นนั้น ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของคนงานและครอบครัวของ

พวกเขา ใช่ว่าให้แค่เงินนิดๆหน่อยๆในแต่ละเดือนก็จบไป คนทุกคนย่อมต้องการความมั่นคง และก้าวหน้าในชีวิตเป็น

ปัจจัยพื้นฐาน

 

ในขณะที่ทุกคนกำลังมีความสุขกับการดื่มกิน พูดคุยสนุกสนาน และแอลกอฮอล์กำลังสูบฉีดในร่างกายนั้น ลุงมีใน

ฐานะหัวหน้าคนงานและเป็นทั้งพ่อบ้านดูแลความเรียบร้อยทุกอย่าง ก็ได้ขึ้นไปบนเวทีประกาศกับทุกคน

“ทุกๆคนฟังทางนี้ ตอนนี้ฉันรู้ว่าทุกคนกำลังสำราญกันอย่างเต็มที่ และบรรยากาศก็กำลังดี เพราะฉะนั้นจึงขอเชิญคุณ

สายชลเจ้าของไร่เคียงดอยของพวกเราได้ขึ้นมาพูดแสดงความรู้สึกกับพวกเราทุกคนและเพื่อเป็นการขอบคุณที่ท่าน

ได้จัดเลี้ยงพวกเราทุกคนในวันนี้ ขอเสียงปรบมือดังๆด้วย” และเสียงปรบมือก็ดังขึ้นในทันที

“เชิญครับคุณชล”ลุงมีกล่าวเชิญสายชลขึ้นเวที

 

“สวัสดีค่ะลุงป้าน้าอาพี่น้องทุกคนของไร่เคียงดอย ความจริงก็ไม่ได้เป็นทางการอะไรจุดประสงค์ของการจัดงานใน

วันนี้ก็เพื่อ ต้องการให้ทุกคนได้พักผ่อน สนุกสนานหลังจากที่เราได้เริ่มต้นมาด้วยกัน เหนื่อยมาด้วยกัน หลายๆคนก็

ยังอยู่กับเราร่วมทุกข์ร่วมสุขมากับเรา เหมือนครอบครัวเดียวกัน เป็นครอบครัวขนาดใหญ่ เพราะฉะนั้นมีอะไรก็ต้อง

ดูแลกัน ที่ผ่านมาที่ฉันยังไม่พูดก็เพราะว่ายังดูๆอยู่ แต่มาถึงวันนี้แล้วฉันมั่นใจว่า ทุกคนก็จริงใจกับฉัน ไม่ได้มีความ

รู้สึกเป็นเพียงแค่นายจ้างลูกจ้าง ฉันจึงรู้สึกดีที่จะได้พูดในเรื่องต่อไปนี้กับทุกคน” สายชลเบรกพักนิดหนึ่งด้วยการจิบ

ไวน์ที่สมจิตนำมาเสิร์ฟอย่างนอบน้อมเมื่อรับแก้วคืนจากสายชลเธอก็หันไปชม้ายชายตาให้กับเอกชัยพ่อหม้ายหนุ่ม

ลูกหนึ่ง ซึ่งกำลังปิ๊งกันใหม่ๆ สายชลมองสบตาทุกคนก่อนที่จะพูดต่อเพราะรู้ว่าทุกคนกำลังจิตใจจดจ่ออยากรู้ว่าสิ่ง

ดีๆที่เธอกำลังจะพูดคืออะไร

 

สวัสดีค่ะพี่ชาติ เสียงหวานสดใสที่ทักขึ้นนั้นทำให้ธนชาติเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะทำงาน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก

หลายนายต่างมองมายังจุดเดียวกัน ต่างมองสบตากันและแอบยิ้มเป็นเชิงว่าเข้าใจกันดี อรอุมาลูกสาวคนสวยของ

ท่านผู้กำกับฯ ใครๆก็รู้จักเพราะเธอจะมาที่นี่เป็นประจำ และทุกคนรู้ว่าเป้าหมายของการมาของเธอก็คือ สารวัตร

ธนชาตินั่นเอง

“สวัสดีครับอร มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”

“อย่าพูดแบบนั้นสิคะพี่ชาติ อรเกรงใจแย่เลย อรว่าจะมาชวนพี่ชาติไปทานข้าวค่ะ ค่ำแล้วนะคะขยันเกินไปเดี๋ยวโรค

กระเพาะจะถามหานะคะ”ธนชาติยกข้อมือขึ้นเพื่อดูเวลาพร้อมกับเงยหน้าขึ้นยิ้มให้กับ อรอุมา

“ตกลงครับ ไปร้านไหนดีครับ”

“อรอยากไปร้านที่พี่ชาติคิดว่าพิเศษที่สุดน่ะค่ะเพราะว่าอรพึ่งกลับมาอะไรก็เปลี่ยนไปเยอะอรเลือกไม่ถูกหรอกค่ะ”

“คือผมไม่มีร้านที่เป็นร้านพิเศษหรอกนะครับ แต่ถ้าเป็นร้านที่ไปประจำก็พอมี” จริงๆแล้วธนชาติมีร้านพิเศษในใจที่

เป็นส่วนตัวของเขา แต่เขาชอบที่จะไปร้านนั้นเพียงคนเดียวหรือกับลูกน้องที่รู้ใจอย่างจ่าเข้มมากกว่า

“ถ้างั้นเราไปร้านที่พี่ชาติไปประจำดีกว่านะคะ อรจะได้รู้ไว้ว่าพี่ชาติชอบนั่งร้านไหนด้วยค่ะ”

“ได้สิครับอร งั้นเชิญเลยครับ ธนชาติลุกขึ้นและเดินนำอรอุมาไปที่รถยนต์ส่วนตัวของเขาที่จอดอยู่

 

“ เอาอย่างนี้ก็แล้วกันฉันขอพูดเป็นเรื่องๆ เพื่อที่ทุกคนจะได้เข้าใจง่าย และไม่เป็นการรบกวนเวลาแห่งความสุข เรื่อง

แรกก็คือ เราจะสร้างบ้านพักคนงานใหม่ให้สวยงามและน่าอยู่เพียงพอกับจำนวนครอบครัวคนงาน แทนบ้านพักชั่ว

คราวหลังเดิมให้เป็นสัดเป็นส่วนกระจายอยู่ตามบริเวณไร่เคียงดอย จะได้เป็นส่วนตัวและพักผ่อนกันอย่างเต็มที่หลัง

จากเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน” พอสายชลพูดถึงตรงนี้เสียงปรบมือเฮฮาเกรียวกราวก็ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

“ฟังต่อๆนี่แค่เรื่องที่หนึ่ง ให้ทุกคนฟังให้จบ” คราวนี้เป็นเสียงของลุงมีออกมาช่วยสงบเสียงไม่อย่างนั้นคงอีกนานกว่า

สายชลจะได้พูด

“ต่อเลยครับคุณชล”

“เรื่องที่สอง ฉันจะจัดให้มีกองทุนสวัสดิการสำหรับพวกเราทุกคนสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้อย่างไม่เดือดร้อน

เวลาที่เจ็บไข้ได้ป่วย

“เรื่องที่สาม ไร่เคียงดอยของเราจะต้องมีสหกรณ์ เพื่อซื้อขายสินค้าในราคาประหยัด ของใช้ต่างๆที่จำเป็นในชีวิต

ประจำวันและเพื่อความสะดวกสบายของทุกคน และถ้าใครเป็นสมาชิกก็จะได้รับการแบ่งปันผลกำไรเมื่อสิ้นปีตาม

จำนวนหุ้นของแต่ละคน และนอกจากนั้นสินค้าที่นำมาขายส่วนหนึ่งก็จะเป็นผลิตผลจากไร่เคียงดอยของเรา เช่น

ดอกไม้สด ดอกไม้อบแห้ง ผลไม้สด ไวน์และน้ำผึ้งอย่างนี้เป็นต้น เพราะของพวกนี้สามารถซื้อเป็นของฝากได้ และ

เป็นการเพิ่มรายได้ที่ดีให้กับไร่เพิ่มดอกผลกำไรแบ่งปันให้กับพวกเราทุกคน และช่วงนี้การท่องเที่ยวกำลังดี ก็ถือเป็น

การเริ่มต้นที่ดีสำหรับไร่ของเรา เรื่องสุดท้าย ฉันคิดว่าทุกคนต้องชอบ ก็คือเรื่องของการเพิ่มค่าแรงงานและค่าทำงาน

ล่วงเวลาให้กับทุกคนซึ่งฉันคงจะปรึกษากับลุงมีอีกทีก่อนที่จะแจ้งให้ทุกคนทราบว่าจะเพิ่มให้เท่าไหร่ ส่วนเรื่องอื่นๆก็

เช่นเรื่องระบบเงินกู้ฉุกเฉินก็คงจะจัดให้มีขึ้นก็อาจมีความจำเป็นที่ต้องใช้ มันจำเป็นมากที่ฉันจะต้องดูแล ทุกๆเรื่องที่

ฉันพูดมานี้เราจะรีบดำเนินการให้เรียบร้อย เพื่อความมั่นคงและการอยู่ดีกินดีของพี่น้องเราทุกคน”

 

เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มของทุกๆคน รอยยิ้มแห่งความปราบปลื้มตื้นตัน บางคนถึงกับน้ำตาซึมคลอ

หน่วยตา ยินดีจนพูดไม่ถูก เงียบไปครู่หนึ่งหลังจากเสียงปรบมือนายสมัครผู้แสดงว่าเป็นตัวแทนของคนงานทุกคน จึง

ขอพูดขึ้น “คุณชลครับผมขอพูดในนามของคนงานทุกคน พวกเราทุกคนขอขอบคุณในความกรุณาของคุณชลเป็น

อย่างมาก พวกเราทุกคนจะขอจดจำเอาไว้เสมอ เราคงไม่สามารถหานายดีๆ มีน้ำใจอย่างนี้ได้อีกแล้ว พวกเราทุกคน

คงจะได้ทำงานอย่างมั่นคง และลืมตาอ้าปากได้มีเงินเก็บกันเสียที พวกเราจะตั้งใจทำงานกันอย่างเต็มที่ ให้สมกับที่

คุณชลได้ช่วยเหลือ และมีน้ำใจกับพวกเราทุกคน อ้าวพวกเรา “ไชโยๆๆ.....และเสียงโห่ร้องไชโยก็ดังขึ้นพร้อมๆกัน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ฉันขอให้ทุกคนดื่มกินกันอย่างเต็มที่และขอให้ทุกคนเริ่มต้นทำงานในวันพรุ่งนี้กันอย่างมีความสุข”

หลังจากนั้นลุงมีก็ออกมาทำหน้าที่ต่อจากสายชล

“ใครอยากร้องเพลงอะไรก็ออกมาบอกได้ เรามีคาราโอเกะบริการ ใครพอใจจะนั่งดื่มกิน หรือนั่งฟังเพลงเฉยๆก็แล้ว

แต่สมัครใจวันนี้งานเราเลิกห้าทุ่ม คงไม่ช้าและเร็วเกินไป ขอให้ทุกคนมีความสุข” หลังจากลุงมีลงจากเวทีทุกคนก็

ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นไปร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน สายชลร่วมดื่มกินและสนุกสนานกับทุกคน ก่อนที่จะขอตัวกลับไป

พักผ่อน

“คุณชลจะไปพักผ่อนแล้วหรือครับ เห็นพวกคนงานบอกอยากฟังคุณชลร้องเพลงสักเพลงก่อนน่ะครับ”

“เอาไว้งานหน้าดีกว่านะลุง ฉันรู้สึกเพลียๆน่ะ”สีหน้าคนพูดแสดงออกว่ารู้สึกแบบนั้นจริง

“วันนี้คนงานของเรามีความสุขมากนะครับคุณชล”

“ลุงสิ่งที่ฉันได้พูดไปในวันนี้ ฉันได้คิดเอาไว้นานแล้ว ถ้าไม่มีพวกเขาไร่เคียงดอยก็อยู่ไม่ได้ เราต้องพึ่งพาอาศัยกัน

ฉันคงไม่สามารถเห็นแก่ตัวพอที่จะเป็นคนเก็บกำผลประโยชน์ทุกอย่างไว้คนเดียวโดยไม่มอบสิ่งที่ควรให้ตอบแทน

กลับไปให้เขาสิ่งเหล่านั้นมันเป็นความต้องการของมนุษย์ทุกคนอยู่แล้ว ตั้งแต่อาหารการกินที่อยู่อาศัยข้าวของเงิน

ทอง ยารักษาโรค ความมั่นคงและปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินรวมทั้งอนาคตที่ดี ที่สำคัญฉันมีความสุขที่เห็นพวก

เขามีความสุขเรียกว่าสุขอันเกิดจากการให้ไงจ๊ะลุง บางครั้งความสุขและรอยยิ้มแบบนั้นมันใช่ว่าจะเอาเงินไปซื้อหามา

ได้เลยจริงมั๊ยจ๊ะลุง”

“จริงครับ คุณชลน่ะเป็นทั้งนายจ้างและแม่พระของพวกเราทุกคน”

“ขอบใจจ๊ะลุงแต่ฉันว่าคงไม่ต้องถึงขนาดแม่พระหรอกนะ” พูดพร้อมหัวเราะดวงตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข

“ลุงมีจ๊ะพรุ่งนี้สักโมงครึ่งเชิญประชุมที่ห้องทำงานหน่อยนะฉันมีเรื่องจะปรึกษา” “ครับคุณชล”

 

“ว่าไงเชิด เรื่องที่ฉันให้แกส่งคนไปตามสืบเรื่องไร่นั่นน่ะไปถึงไหนแล้ว”

ไกรศักดิ์ เศรษฐีใหญ่ผู้มีอิทธิพลทางภาคเหนือผู้เป็นเจ้าของธุรกิจมากมายซึ่งคนแถวนั้นใครๆก็รู้จักดีกำลังติดตาม

ความก้าวหน้าจากลูกน้องคนสนิท

“มีความคืบหน้าครับนาย ตอนนี้คนของเรารายงานมาว่าเจ้าของไร่กลับมาแล้วครับ” เชิดลูกน้องคนสนิทรูปร่างสูงใหญ่

หน้าตาโหดเหี้ยมเหมาะสมกับอาชีพมือปีน และลูกน้องคนสนิทของเจ้าพ่อกำลังรายงานความก้าวหน้ากับเจ้านาย เขา

เป็นลูกน้องมือขวาของนายไกรศักดิ์ที่ฝีมือดีและได้รับความไว้วางใจจากเจ้านายเป็นอย่ามาก

“เป็นใครกันวะ”

“ เป็นผู้หญิงครับนายยังสาวเสียด้วย”

“อุ๊วะ ....อย่างนี้มันก็ง่ายนะสิ” เสี่ยไกรศักดิ์หัวเราะเสียงดังจนเห็นฟันครบทุกซี่ด้วยความพอใจเพราะคิดว่าทุกอย่างจะ

ต้องง่ายอย่างที่คิด

“ส่งคนของเราไปติดต่อขอซื้อที่เอาให้สำเร็จนะโว๊ยงานนี้ห้ามพลาดถ้าเราได้ที่แปลงนี้ จะเป็นโรงแรม หรือรีสอร์ทอีก

กี่แห่งก็ไม่มีใครสู้เราได้”

“ ถ้างั้นแสดงว่างานนี้เราทุ่มสุดตัวเลยใช่ไหมครับนาย”

“ใช่แต่ไม่ใช่เงินนะ เรื่องอะไรจะเสียเงินเยอะๆให้โง่ล่ะ ขู่มันสิ แค่รู้ว่าเป็นคนของเสี่ยไกรศักดิ์ขี้คร้านมันจะกลัวหัวหด

รีบขายให้เรา

“ แล้วเผื่อมีคนอื่นชิงไปก่อนล่ะครับเจ้านาย”

“ ก็จัดการมันสิวะไอ้โง่ทำยังไงก็ได้ให้มันขายที่ให้เรา พวกนายหน้าอื่นๆน่ะข่มขู่มันได้เลย ใครมันจะใหญ่ไปกว่าเสี่ย

ไกรศักดิ์ จัดการให้ดีอย่าให้เรื่องมาถึงกู”

“ ครับนาย”

 

 

 

 

 

 

 

 

สายชลแอบมองทุกคนในงานคืนนี้เงียบๆบนระเบียงบ้านเคียงดอย ทุกคนสนุกสนานมีความสุข ผู้หญิงทุกคนแต่งตัว

สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นและหามาได้ช่วยกันทำอาหารผู้ชายช่วยกันจัดสถานที่และช่วยกันเสิร์ฟ ดื่มกิน พูดคุยกัน เธอ

ไม่รู้หรอกว่าหนึ่งในเรื่องที่พวกเขาพูดคุยกันนั้นคือการชื่นชมนายจ้างผู้ใจดีมีน้ำใจ สายชลคิดว่าบรรยากาศแบบนี้

นานๆก็ควรจะจัดให้มีขึ้นสักครั้งหนึ่ง เพื่อให้ทุกคนได้สนุกสนานและผ่อนคลายนี่คือ

ความมั่นคงและความปลอดภัยของบ้านเคียงดอยด้วย โดยเฉพาะเมื่อมีนายทุนผู้เห็นแก่ตัวเข้ามารุกราน สายชล จำ

เป็นที่จะต้องมีเกราะเพื่อป้องกันตัวด้วยเนื้อที่ทั้งหมดของไร่เคียงดอยกว้างใหญ่เพียงพอที่จะสร้างหมู่บ้านเล็กๆและ

สงบสุขได้ ภายในไร่เคียงดอยนี้จะเต็มไปด้วยคนที่มีน้ำใจพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันเหมือนญาติพี่

น้องเป็นเกราะป้องกันคนภายนอกที่จ้องแต่จะเข้ามาหาผลประโยชน์

สายลมเย็นพัดมาวูบหนึ่ง หมอกบางๆเริ่มลงแล้ว ดวงดาวเปล่งประกายระยิบระยับเต็มท้องฟ้าเหมือนกับจะร่วมเป็น

ส่วนหนึ่งในงานคืนนี้และแสดงความยินดีกับความสุขของทุกๆคนที่นี่ แสงไฟจากลานเคียงดาวมองดูวอมแวม เสียง

พูดคุยและร้องเพลงอย่างสนุกสนานลอยมาตามลม คืนนี้คงนอนหลับอย่างสุขใจ พร้อมที่จะตื่นขึ้นมารับเรื่องราวใหม่ๆ

ในวันรุ่งขึ้น สายชลเดินกลับเข้าห้องนอนบอกราตรีสวัสดิ์กับคืนที่แสนสวยงาม และความสำเร็จของคืนนี้

 

ตีห้าในฤดูนี้ฟ้ายังมืดสนิท เสียงไก่ขันแว่วมาแต่ไกล ความรู้สึกดีๆจากเมื่อคืน ทำให้สายชลรู้สึกกระปรี้กระเปร่า อยาก

ตื่นแต่เช้า เดินออกมาสูดอากาศสดชื่นริมระเบียง กลิ่นดอกพิกุลหอมอ่อนๆรวยรินลอยมาตามลม อากาศเริ่มเย็นขึ้น

กว่าปรกติน้ำค้างลงหนาจนระเบียงเปียกคล้ายโดนฝน เสียงนกที่อาศัยทำรังอยู่บนต้นไม้ใกล้บ้านเคียงดอยเริ่มร้องดัง

ขึ้นเนื่องจากมีหลายร้อยตัวอาศัยต้นไม้อยู่ร่วมกันและคงได้เวลาเริ่มต้นวันใหม่ ออกหากินเลี้ยงตัวและลูกน้อย เหนือ

ยอดไม้ขึ้นไปดาวดวงหนึ่งยังคงอยู่และเปล่งประกายสุกใส เด่นงามอย่างนี้สายชลบอกกับตัวเองว่า เธอจะเรียกดาว

ดวงนี้ว่าดาวแห่งศรัทธาวันนี้เธอพบดาวดวงนี้ในเช้ามืดของการเริ่มต้นแห่งวัน จะมีความหวังและสิ่งดีๆเกิดขึ้นเสมอ

ผมยาวปล่อยสยายเต็มหลังใบหน้าคมคายจมูกโด่งรับกับตากลมโตผิวเหลืองนวลละมุนตา เธอไม่ใช่คนที่ขาวผุดผ่อง

อย่างสาวสมัยใหม่ทั่วไปแต่ ดูเด่นสะดุดตา เธอแหงนมองท้องฟ้าที่ตอนนี้เริ่มเป็นสีเทาจางๆ มีความสุขที่สุดที่ได้อยู่

ใกล้ชิดธรรมชาติ เรียนรู้วิถีการดำเนินชีวิตของผู้คน บอกกับตัวเองเสมอว่าการเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด

 

สายชลพยายามมองฝ่าความมืดสลัวออกไปไกลแสนไกล เธอผูกพันกับที่นี่มาก ไร่นี้เป็นบ้านเป็นทุกอย่างที่สำคัญใน

ชีวิตของเธอ เพราะเธอเกิดที่นี่ คุณตาคุณยายเป็นคนดูแลเธอตั้งแต่เด็ก เพราะตอนนั้นคุณพ่อคุณแม่เริ่มขยายกิจการ

ใหม่ทุกอย่างอยู่ในช่วงของความเสี่ยง ตอนเล็กๆสายชลจึงได้เรียนรู้ทุกอย่างที่นี่ คุณพ่อคุณแม่ต้องเทียวไปเทียวมา

เมื่อหาเวลาได้ และท่านจำเป็นต้องเดินทางไปไหนบ่อยๆเพื่อติดต่อธุรกิจ ทำให้ท่านไม่สามารถที่จะดูแลสายชลได้

อย่างเต็มที่สายชลจึงได้อยู่กับตาและยายจนถึงวัยที่เริ่มเรียนชั้นประถมท่านจึงพร้อมและรับสายชลไปอยู่ และเรียนที่

กรุงเทพใช้ชีวิตเป็นคนกรุงเทพแต่

เธอไม่เคยบอกตัวเองสักครั้งว่าเธอเป็นคนกรุงเทพ เพราะเมื่อปิดเทอมหรือมีเวลาว่างเธอเป็นต้องร้องขอกลับบ้านไร่

ทุกที แม้คุณตาและคุณยายจะจากไปนานแล้วความผูกพันและความอบอุ่นยังคงอยู่เสมอ จำได้ว่าวันหนึ่งตอนนั้นเธอ

อายุเก้าขวบตอนนั้นปิดเทอมเด็กหญิงสายชลเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าด้วยตัวเอง คุณแม่เดินเข้ามาพบเธอในห้องนอน

และมองเด็กหญิงสายชลด้วยสีหน้างงๆ พลางถามบุตรสาวว่า

“หนูเก็บเสื้อผ้าจะไปไหนลูก”คุณแม่นั่งลงข้างๆและลูบที่ศีรษะของเธอเบาๆพร้อมกับหอมแก้มหนึ่งที

“ไปบ้านไร่เคียงดอยค่ะคุณแม่”

“ไปยังไงลูก แม่กับพ่อไม่ว่างพาหนูไปยังไม่ได้หรอกนะ”

“คุณแม่ให้น้าสมคิดขับรถไปส่งหนูก็ได้ค่ะหนูปิดเทอมแล้ว”

“จะดีหรือลูกหนูยังเด็กแม่เป็นห่วงไม่อยากให้หนูนั่งรถไกลถ้าไม่มีแม่ไปด้วย”

“หนูไปได้ค่ะแม่ หนูคิดถึงคุณตาและคุณยาย และหนูก็โทรไปบอกคุณยายแล้วด้วย”

คุณแม่มองหน้าสายชลครู่หนึ่งก็พบกับสายตาอ้อนวอนของลูกสาวก็เลยต้องอนุญาตเพราะความใจอ่อนสงสารลูกคง

จะคิดถึงตาและยายมากเพราะอยู่ด้วยมาตั้งเล็กแต่น้อย

“แล้วหนูจะอยู่กี่วันล่ะลูกแม่จะได้ไปรับหนูกลับ”

“อยู่จนเปิดเทอมเลยค่ะคุณแม่”

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนนั้นสายชลจำได้ว่ารอยยิ้มของคุณแม่หายไปจากใบหน้าทันที ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าท่านคงไม่อยากให้ลูกสาว

จากไปนานๆ แต่ตอนนั้นเธอยังเด็กเธอไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกของพ่อแม่ได้ทุกอย่าง เธอมักจะเรียกร้องในสิ่งที่

เป็นความต้องการของตัวเองเท่านั้น และจนถึงวันนี้เธอก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่บ้างในความคิดของตัวเอง และเธอนึกถึง

ตอนที่เธอบอกกับคุณพ่อคุณแม่ว่าเธออยากเรียนศิลปะดูทุกคนในครอบครัวตกใจมาก แต่ก็ตามใจในที่สุดเพราะเหตุ

ใดสายชลก็ยังไม่รู้เท่าทุกวันนี้ สายชลไม่คิดอยากทำธุรกิจ

เหมือนพี่ชายทั้งสองของเธอ ในเรื่องนี้มันเป็นเหมือนปมลึกๆในใจที่เธอไม่เคยพูดหรือบอกเล่ากับใครแม้แต่พ่อกับแม่

เธอมักอดน้อยใจเสมอว่าเพราะธุรกิจนี่แหละพ่อกับแม่จึงไม่มีเวลาให้เธอเลยในตอนที่เธอเป็นเด็กเล็กๆและต้องการ

ความอบอุ่นอย่างมาก ถึงแม้เมื่อเธอสามารถรับรู้เหตุผลและความจำเป็นได้แล้ว ปมเหล่านั้นมันก็ยังแฝงอยู่ในใจอยู่ใน

ส่วนลึกในจิตใต้สำนึก บุคลิกความเงียบขรึม ความนิ่งและความมั่นใจในตนเองสูง โดยแท้แล้วเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ว่ามัน

เป็นเกราะภายนอกที่ห่อหุ้มความไม่มั่นใจในตัวเองของเธอเอาไว้ เพราะบ่อยครั้งที่การรอคอยของเด็กหญิงตัวเล็กๆไม่

สมหวังมันเป็นเหมือนจุดดำๆเล็กๆที่สะสมอยู่ในใจ ใจดวงน้อยจึงเกิดรอยด่างเพราะเด็กคือผ้าขาวบริสุทธิ์ผู้ใหญ่จะนำ

สีอะไรมาแต่งแต้มให้ก็ได้ทั้งนั้น แม้เมื่อเติบโตขึ้นด้วยความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ ชีวิตช่วงที่สำคัญก็ได้หล่อหลอม

ให้เธอกลายเป็นคนที่มีโลกส่วนตัว มีความเป็นตัวเองสูงไม่ชอบพูดหรือบอกเล่าความรู้สึกต่างๆของตนให้ใครได้รับรู้

สักเท่าไหร่ทางออกที่มีความสุขก็คืออยู่กับโลกของจินตนาการ และงานศิลปะ สายชลคิดถึงพ่อกับแม่ ไม่รู้เหมือนกัน

ว่าเมื่อไหร่ท่านจะกลับกรุงเทพสักที อยากกอดให้อบอุ่นและหายคิดถึง แต่พอคิดว่าท่านมีความสุขก็พลอยมีความสุข

ไปกับท่านด้วย แต่สำหรับสายชลแล้วไม่มีที่ไหนที่จะสุขใจได้เท่าบ้านไร่เคียงดอยไม่มีที่ไหนเรียกว่าบ้านนอกจากที่นี่

 

 

บ้านเคียงดอย

ลานเคียงดาว

สาวบ้านไร่

ขวัญใจชาวดิน

 

 

คิดถึงตรงนี้ก็อดยิ้มไม่ได้เพราะเป็นคำพูดของพี่เมฆาที่พูดล้อเลียนน้องสาวเป็นประจำ และกลายเป็นคำพูดสนุกสนาน

ในครอบครัว รวมทั้งพี่ภูผาก็พลอยเป็นไปด้วย คุณพ่อคุณแม่ก็พลอยสนุกสนานไปกับพี่ๆทั้งสอง สายชลต้องพิสูจน์ให้

ทุกคนได้เห็นว่า ที่นี่คือชีวิตทั้งชีวิตของเธอมีคุณค่า ความหมาย และความสำคัญกับเธอแค่ไหน ถ้าถึงวันหนึ่งที่

พวกนายทุนที่เห็นแก่ตัวยังไม่หยุดรุกรานและไม่สามารถใช้วิธีการใดเพื่อยุติเหตุการณ์ต่างๆให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้นได้

เธอได้ตัดสินใจแล้วว่า จะขอแลกกับชื่อเสียงและการเปิดตัวของสายชลศิลปินลึกลับที่ทุกคนอยากรู้จัก จะใช้ชื่อเสียง

และความสามารถเหล่านี้ทั้งหมด ดึงให้ทุกคนที่รู้จักและชื่นชอบในผลงานของสายชลได้เข้ามาช่วยกันหยุดยั้ง

อิทธิพลมืด และคนเห็นแก่ตัวเหล่านั้น เธอมั่นใจมิใช่น้อยว่ามีคนจำนวนมากที่ยินดีจะช่วยเหลือ เมื่อเรื่องทุกอย่างดั

งขึ้น ก็ลองดูสิ อิทธิพลมืดที่มองไม่เห็นอะไรก็ตามลองมาสู้กันดู แต่ในวันนี้ขอสู้ในนามของคนธรรมดาคนหนึ่งที่ต่อสู้

เพื่อถิ่นฐานบ้านเกิด สู้ตามความสามารถให้ถึงที่สุดเสียก่อน ขอพึ่งกฎหมายบ้านเมือง ผู้หญิงตัวเล็กคนนี้แหละจะทำ

ทุกอย่างเพื่อสิ่งที่ตนเองรักและหวงแหน ปกป้องให้ถึงที่สุด แค่คิดว่าสูญเสียแม้เพียงวินาทีเดียวก็รับไม่ได้แล้ว สาย

ชลยืนคิดอยู่เช่นนั้น เพลินจนถึงหกโมงเช้า พระอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้า ป้าจันทร์นำชาร้อนและนมร้อนมาเสิร์ฟ

พร้อมถามถึงอาหารเช้าว่าเจ้านายอยากทานอะไร

 

“วันนี้อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะคุณ”

“ขอข้าวต้มปลาอย่างเดียวพอแล้วจ่ะป้า”

“ตื่นแต่เช้ามากนะคะป้าเห็นยืนอยู่ตรงนี้นานแล้ว อากาศก็เย็นเกรงว่าคุณจะไม่สบายไป”

“อะไรกันป้าฉันแสดงความอ่อนแอให้ป้าเห็นแบบนั้นบ่อยหรือจ๊ะ”

“ไม่ได้หรอกค่ะคุณ ตอนนี้อากาศเริ่มเปลี่ยนแปลง ถนอมร่างกายไว้เป็นดีที่สุด”

“ขอบใจจ่ะป้าที่เป็นห่วง” ตอบเสียงแผ่วเบา “ป้าไปทำงานต่อเถอะ

 

ท้องฟ้าเริ่มกระจ่างขึ้นเรื่อยๆ ในความมืดก็ยังมีความสว่าง เป็นจริงเสมอ ฝูงนกบินจากรังไปแล้ว แสงทองเรื่อเรืองเริ่ม

จับขอบฟ้าเทือกเขาเบื้องหน้าทั้งเทือกเต็มไปด้วยม่านหมอกแสงสีของวันใหม่ตัดกับหมอกยามเช้า เกิดประกาย

สะท้อนจับทั่วทั้งภูเขา เสียงไก่ขันเสียงนกร้อง เป็นเช่นนี้เสมอตั้งแต่เล็กจนโตที่สายชลรับรู้ แต่เริ่มเปลี่ยนแปลงไป

เพราะการท่องเที่ยวเริ่มเข้ามา บุคคลผู้หวังผลประโยชน์ก็ติดตามมา ไม่มีใครมองที่นี่ตรงความเป็น ธรรมชาติเป็น

ลำดับแรก แต่มองเพราะผลประโยชน์ นักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาทั้งคนไทยและคนต่างชาติ เป็นดอกผลกำไรที่

ต้องเก็บเกี่ยว ธุรกิจท่องเที่ยวเติบโตขึ้น กับการแข่งขันและเปลี่ยนแปลงความเจริญจำนวนที่เพิ่มขึ้นของรีสอร์ท พื้นที่

ป่าไร่นาหลายที่กลายเป็นรีสอร์ท หลากหลายระดับราคา หลากหลายสไตล์เพื่อตอบรับความต้องการของนักท่อง

เที่ยวให้ทั่วถึง ชาวบ้านหลายๆคนตัดสินใจขายที่ของตนเองทั้งๆที่ได้ตั่งใจเอาไว้แล้วว่าจะไม่ยอมทิ้งผืนดินของ

บรรพบุรุษถิ่นฐานบ้านตน แต่ราคาที่สูงกว่าเดิมสองถึงสามเท่าเป็นสิ่งดึงดูดใจที่ข้างเคียงจึงขายย้ายไปซื้อที่แห่งใหม่

ราคาถูกแถมมีเงินมีทองเปลี่ยนฐานะไปจากเดิมมีธุรกิจเล็กน้อยๆเป็นของตัวเองเป็นเหตุให้คนอื่นๆค่อยๆทยอยขาย

ตามไปเพราะเห็นตัวอย่างว่ามีชีวิตที่ดีขึ้น ที่แปลงเล็กแปลงน้อยก็ทยอยขายไปจนจะหมดอยู่แล้ว ที่เหลือก็เหมือน

กำลังต่อรองราคากันอยู่ จุดสูงสุดและเด่นที่สุดอยู่ในเขตไร่เคียงดอยสิ่งที่น่ากลัวคือความโลภของคน สามารถทำให้

คนทำได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะการรังแกคนที่อ่อนแอกว่า ใบหน้าที่เชิดแหงนเงยขึ้นมองท้องฟ้าที่ตอนนี้ความมืดได้

จากไปแล้ว หากมีใครสักคนได้เห็น และล่วงรู้ซึ่งความคิดคงจะเข้าใจซึ่งความรัก และมุ่งมั่นที่จะปกป้อง ยืนหยัดต่อสู้

เพื่อผืนดินที่เป็นที่เกิด

“แม่จันทร์ คุณสายชลเธอลงมารึยัง” ลุงมีถามภรรยาถึงเจ้านาย

“ยังหรอก ตื่นแต่เช้ามืด อยู่ที่เดิม” ว่าพลางบุ้ยใบ้ไปทางระเบียงบ้านเคียงดอยเป็นที่รู้กันระหว่างสามีภรรยาว่าคือมุม

ประจำที่มักจะพบเจ้านายของพวกเขายืนอยู่ตรงนั้นทีละนานๆ และใครก็อย่าได้รบกวน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เจ้าของไดอารี่

กำลังทำอะไรอยู่
ไม่ได้อัพเดทสถานะมาช่วงหนึ่งแล้ว
833 วันที่ผ่านมา

สายน้ำและความทรงจำ
ความสนใจ:
เพลง, หนังสือ, ท่องเที่ยว, นิยาย/งานเขียน
<<มีนาคม 2557>>
อา. จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส.
      1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031

สถิติผู้เยี่ยมชม

ผู้เยี่ยมชมวันนี้ 22 คน
ผู้เยี่ยมชมทั้งหมด 213,657

ไดอารี่เพื่อนบ้าน

สายน้ำและความทรงจำ ยังไม่มีไดอารี่เพื่อนบ้าน

อัลบัมโหวตของ สายน้ำและความทรงจำ

สายน้ำและความทรงจำ ยังไม่มีอัลบัมโหวต

ไดอารี่ที่อัพเดทล่าสุด

โดย พงษ์ศักดิ์ หิรัญเขต
สายน้ำ กาลเวลา ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่เหมือนความรู้สึกในใจ ไม่ว่านานเท่าใด ยังอยู่ในใจเสมอ
';