หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
ดูรายการโปรด เพิ่มเป็นรายการโปรด

เก็บรักไว้ที่ปลายรุ้ง ตอนที่ 1

วันที่ 27 มีนาคม 2557

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่  1

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“ผมอยากได้ที่ตรงนั้น  คุณไปเจรจายังไงก็ได้   ให้เจ้าของไร่เขาขายที่ให้เรา  ถึงจะจ่ายแพงกว่าเจ้าอื่นผมก็

ยอม  บริเวณรอบที่แถวนั้นเป็นร้อยๆไร่  เราก็ได้มาหมดแล้วเหลือแค่นี้เอง   จะยากอะไรจริงไหมคุณประวิทย์ ” 

“แต่ท่านครับผมว่างานนี้คงลำบากหน่อย  เพราะว่าเราไม่สามารถติดต่อเจ้าของไร่ได้  คนที่ดูแลไร่ตอนนี้ก็บอกไม่

ทราบว่าเจ้าของไร่อยู่ไหน”

“คุณประวิทย์ไร่เคียงดอยมันตั้งอยู่ในจุดที่สวยที่สุดของเขาลูกนั้น    เด่นที่สุด  บริเวณรอบๆ ที่เราได้มาเป็นร้อยๆไร่

มันคงมีประโยชน์ไม่มากถ้าเราไม่สามารถเอาที่ตรงนั้นมาได้  ผมคิดว่าคุณเองก็รู้ดี”

“ครับผมทราบดี   แต่ผมก็ยังคิดว่าเราสามารถ  ที่จะใช้ประโยชน์ได้มากจากที่ๆเรามีอยู่ในตอนนี้  ถึงเราจะไม่สามารถ

ได้ที่แปลงนั้นมาก็ตาม ที่ๆเรามีอยู่ผมว่ามันก็สวยไม่น้อยทีเดียว”

“แต่ผมต้องการที่ตรงนั้น  ไร่เคียงดอยจะต้องเป็นของเรา  ผมจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง  คุณจะต้องจัดการให้เรียบ

ร้อย    เอาล่ะตอนนี้ผมมีประชุม  ขอให้คุณไปดำเนินการให้สำเร็จ”

“ ครับท่าน”

ประวิทย์ตอบรับอย่างนอบน้อม  และรีบออกจากห้องในทันที  เขารู้สึกหนักใจมากทีเดียวกับโครงการนี้  ผู้ชายอายุห้า

สิบต้นๆ อย่างเขาแม้ประสบการณ์ในการทำงานจะสูง  แต่บางครั้งพลังในการต่อสู้ที่มีก็ลดน้อยถอยลงไปได้เหมือนกัน

เพราะอุปสรรค์ที่มากมาย  จะดีหน่อยก็ตรงที่เงินเดือนสูงสวัสดิการดีนี่แหละ  ที่ยังเป็นสิ่งจูงใจอยู่  เจ้านายเองก็ให้

ความไว้เนื้อเชื่อใจ  แต่งานนี้สิไม่ใช่ง่ายๆเลย  เหลือนิดเดียวเท่านั้น  แค่นี้เอง  มองเห็นเส้นชัยอยู่แค่เอื้อม  แต่

เหมือนวิ่งไม่ถึงสักทีหลายครั้งที่เขาพยายามติดต่อเพื่อซื้อที่ไร่แปลงนี้แต่ก็ไร้ผลมาตลอด   เขาไม่สามารถติดต่อขอ

พบเจ้าของบ้านได้  โครงการก็เดินหน้าไปไกลเกินกว่าจะถอยหลังได้เสียแล้ว  สงสัยงานนี้คงต้องการันตีด้วย

ตำแหน่งผู้จัดการเสียแล้ว  คิดแล้วก็ไม่รู้สึกดีขึ้นมาเลย   มีแต่ถอนใจมากขึ้นเท่านั้น

“สวัสดีค่ะป้าจันทร์สบายดีรึเปล่าคะ”

“คุณสายชล  ในที่สุดคุณก็โทรมา  รู้ไหมคะป้ารอโทรศัพท์คุณทุกวันเลย  ป้าไม่ค่อยสบายใจตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนหรือคะ”

“ก็อยู่ที่ไหนสักแห่งที่ไม่ใกล้ไม่ไกล”ปลายสายมีเสียงหัวเราะเบาๆ

“ โธ่คุณคะยังสนุกอีก  คุณไปนานแล้วก็ไม่ติดต่อมาเลย”

“ทำไมจ๊ะป้าจันทร์หรือว่าที่ไร่มีปัญหาอะไร”

 

 

 

 

 

 

                                                           

                                                                                           

“ตอนนี้ที่ไร่กำลังมีปัญหาค่ะ  พวกนายทุนกำลังพยายามติดต่อ จะมาซื้อที่ของเรา และที่ๆอยู่ติดกับที่ของเรา ก็

โดนกว้านซื้อไปเกือบจะหมดแล้วนะคะ”  ป้าจันทร์รายงานถึงปัญหาที่หนักใจกับเจ้านาย

“เฮ้อ  ทำไมนะคนเราจึงไม่รู้จักพอสักที   ฉันเกลียดที่สุดเลยพวกที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว จนไม่นึกถึงความเดือด

ร้อนของคนอื่น  ป้าจันทร์สบายใจได้นะอีกไม่เกินสามวัน ฉันกลับไร่แน่ค่ะ ขอเคลียร์เรื่องงานให้เรียบร้อยก่อน  แค่นี้

ก่อนนะจ๊ะป้า หวัดดีจ๊ะ”

หลังจากเสร็จธุระกับป้าจันทร์ซึ่งเป็นแม่บ้านดูแลความเรียบร้อยทุกอย่างภายในบ้านไร่เคียงดอย

สายชล  ก็หันมาใส่ใจกับงานตรงหน้าต่อไป    การวาดภาพเป็นงานที่เธอรักมาก  งานที่เธอทำด้วยหัวใจ  ทุกครั้งที่

เธอวาดภาพสมาธิของเธอจะไม่เคยวอกแวก  มันทำให้ลืมเรื่องวุ่นวายต่างๆมากมายก็เพราะวาดภาพโดยใช้ใจและ

ด้วยจิตวิญญาณทั้งหมดที่มีจึงทำให้ใครต่อใครที่ได้ชื่นชมภาพฝีมือสายชลเป็นต้องรู้สึกต้องมนต์เหมือนเข้าไปเป็น

ส่วนหนึ่งของภาพเมื่อมอง   ภาพเขียนของสายชลจึงติดอันดับต้นๆในบรรดาศิลปินวาดภาพชั้นนำของประเทศ  จน

แทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นฝีมือศิลปินรุ่นใหม่  นี่คือสิ่งที่สายชลรู้สึกภูมิใจมาก   และจากผลงานที่ยอดเยี่ยมทำให้ภาพของ

สายชลได้รับรางวัลพิเศษหลายชิ้น  เป็นสิ่งที่ทำให้ชื่อเสียงของสายชล ศิลปินนักวาดภาพฝีมือดีเป็นที่รู้จัก  ถึง

กระนั้นสายชลกลับทำตัวขัดแย้งสวนทางกับชื่อเสียง ลึกลับหาตัวยาก ทุกครั้งที่ได้รับเชิญในงานต่างๆ  ก็จะมีเพียงตัว

แทนของสายชลเท่านั้นที่ทำหน้าที่นี้  เธอมีความสุขกับการใช้ชีวิตส่วนตัวที่เรียบง่าย  พอใจจะเดินทางไปไหนเพื่อ

สร้างสรรค์งานศิลปะก็ไป  จนได้รับฉายาว่า ศิลปินลึกลับเธอภาคภูมิใจกับสิ่งที่ตัวเองได้รับมากเพราะกว่าจะได้มามัน

ช่างยากลำบากเหลือเกินกว่าที่เธอจะค้นหาความเป็นตัวของตัวเอง  ค้นพบในสิ่งที่ตนเองชอบและรัก  จนครอบครัว

ยอมรับได้  ต้องอดทนและใช้เวลาให้เป็นเครื่องพิสูจน์    มาวันนี้ผลตอบแทนอันคุ้มค่าไม่ว่าจะเป็น   ชื่อเสียง   เงิน

ทอง    ความสุข  ความสุขอันเกิดจาก  การได้ทำงานที่ตนรัก  ได้ท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ ได้เรียนรู้วิถีชีวิตของผู้คน 

ธรรมชาติ  อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มพูนประสบการณ์ให้กับตัวเอง  ใครก็ตามที่ได้ทำงานที่ตนเองรักก็คงรู้สึกเช่นนี้ทุก

คน   และยิ่งประสบความสำเร็จด้วยแล้วจะยิ่งภูมิใจแค่ไหนสายชลบอกตนเองเช่นนี้เสมอ  ความภาคภูมิใจในตัวเอง

ฉายชัดบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอิ่มใจ   ถึงแม้จะอดกังวลไม่ได้ในเรื่องบ้านไร่เคียงดอย  ก็ได้แต่ให้กำลังใจตัว

เอง  คงไม่มีอะไรร้ายแรงอย่างที่คิด  และหลังจากเคลียร์งานทุกอย่างเรียบร้อยนำภาพทั้งหมดไปจัดแสดงที่แกลรอลี่

ของเธอเองที่กรุงเทพเรียบร้อยแล้วก็จะเดินทางกลับไร่ทันที  ซึ่งครั้งนี้เธอต้องอยู่ดูแลจนทุกอย่างเรียบร้อย ถึงจะได้

มีโอกาสเดินทางอีกครั้ง

  

                 เที่ยงคืนของต้นฤดูหนาวอากาศกำลังสบายๆ เพราะเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว  บรรยากาศรอบ

บ้านมืดสนิท   สายชลกระชับเสื้อคลุมไหล่ยิ่งขึ้น   เพราะเริ่มสัมผัสกับหมอกเย็นนานเท่าไหร่แล้ว  เจ้าตัวก็ไม่ได้ใส่ใจ

กับกริยายืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนไปไหน   สายตาเพ่งมองไปเบื้องหน้าเหมือนพยายามมอง ให้ทะลุความมืดเพื่อหาอะไร

สักอย่าง    และภาพแห่งอดีตก็ผุดขึ้นมาในความทรงจำ  เป็นภาพของเด็กหญิงตัวเล็กๆ อายุสี่ขวบ ที่นั่งเล่นขีดเขียน

อะไรต่างๆ  ไปตามจินตนาการ ตามมุมต่างๆของบ้าน  มีเธออยู่ในทุกๆที่ของความทรงจำ  เด็กหญิงในวัยแห่งการ

เรียนรู้วัยแห่งการอยากรู้อยากเห็น  ต้องการความใกล้ชิดความอบอุ่นจากพ่อแม่   แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนเธอถูกทอด

ทิ้ง  ด้วยความจำเป็นในบางอย่างที่เธอไม่อาจเข้าใจด้วยวัยเพียงแค่นั้น  มีเพียงคุณตาและคุณยายที่คอยดูแลให้

ความรักความอบอุ่นแก่หลานน้อยของท่าน ด้วยความรักและความสงสาร                                                                   

อยากชดเชยในสิ่งที่เธอขาดหายไป ทำทุกอย่าง เอาอกเอาใจไม่เคยขัด  เหมือนเป็นเจ้าหญิงองค์น้อยองค์หนึ่ง  ทุก

ครั้งที่คุณพ่อและคุณแม่เดินทางมาหาเธอ  เธอจะดีใจและมีความสุขมาก  เหมือนโลกทั้งโลกเป็นของเธอ  แต่ทุก

ครั้ง  เพียงไม่นานท่านก็จะรีบร้อนจากไปเธอไม่เคยเข้าใจในความจำเป็นเหล่านั้นเลย   รู้เพียงว่า เสียใจ  และน้อยใจ

อย่างมากมาย เหมือนกับโดนทอดทิ้ง    ทำให้เด็กหญิงสายชลกลายเป็นเด็กที่ช่างคิด  ช่างฝัน  เต็มไปด้วยจิตนา

การต่างๆ  มีโลกของตัวเอง  จวบจนเมื่อโตขึ้น  สามารถเข้าใจเหตุผลต่างๆ ของผู้ใหญ่ได้จึงได้รู้ถึงความจำเป็นของ

พ่อแม่  แต่ช่วงที่สำคัญของชีวิตที่ผ่านมามันได้หล่อหลอมให้เธอกลายเป็นคนแบบนี้ไปเสียแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

 

“คุณชลคะ”

อ้าวป้ายังไม่นอนอีกหรือจ๊ะ”   เสียงถามแผ่วเบา

“ป้าเอานมร้อนมาให้ค่ะ”

“ขอบใจจ๊ะป้า  ป้าจันทร์ไปนอนเถอะ ไม่ต้องห่วงฉันหรอก  ฉันกำลังใช้ความคิดนิดหน่อยเดี๋ยวก็นอนแล้วล่ะ”

“เอ่อ   ป้าลืมไปค่ะ  ว่าจะขึ้นมาเรียนคุณชลว่า  เมื่อกี้คุณพ่อกับคุณแม่โทรมาค่ะ”

“เหรอจ๊ะแล้วท่านว่ายังไงบ้าง”  น้ำเสียงตื่นเต้นขึ้นมาทันที  ใบหน้าที่แลดูเรียบเฉย  พลันก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มสดใส

“ท่านถามถึงคุณชลค่ะ  คือ  ป้าคิดว่าคุณหลับแล้ว  เมื่อกี้ขึ้นมาดูเห็นแสงไฟถึงรู้ว่าคุณยังไม่นอน”

“ก็เลยบอกว่าฉันหลับ  เสียดายจัง กำลังคิดถึงท่านพอดี  ไม่เป็นไรจ๊ะป้าเดี๋ยวฉันจะโทรเข้ามือถือของท่านเองก็ได้” 

  พูดได้แค่นั้นก็หมุนตัวกลับเข้าไปในห้องนอน                                                                     

  “สวัสดีค่ะคุณแม่สบายดีไหมคะ ”   

“แม่สบายดีจ๊ะลูก”

 

 “คุณพ่ออยู่ใกล้ๆหรือเปล่าคะ” 

  “คุณพ่อก็อยู่ตรงนี้แหละจ๊ะ  มีอะไรจ๊ะลูก”

  “เปล่าค่ะคิดถึง”

  “ปากหวานจริงนะลูกสาวแม่แล้วลูกล่ะจ๊ะสบายดีรึเปล่า” 

“หนูสบายดีค่ะคุณแม่   แล้วเที่ยวสนุกไหมคะ”  

“สนุกมากจ๊ะลูกที่นี่สวยมาก  แต่แม่คิดถึงอาหารไทยมากที่สุดเลย”

“แล้วคุณพ่อกับคุณแม่จะอยู่ที่นั่นอีกนานหรือเปล่าคะ”

“สักอาทิตย์หน้านี้แหละจ๊ะก็จะต่อไปที่อเมริกา” 

“ที่แคนนาดานี่เขามีที่เที่ยวที่น่าสนใจเยอะแยะเหมือนกันนะคะคุณแม่”

“ก็ใช่สิจ๊ะไม่งั้นพ่อกับแม่ก็คงไม่อยู่นานแบบนี้หรอก  ลูกไม่คิดที่จะมาเที่ยวกับพ่อแม่หรือจ๊ะ  เจอกันที่อเมริกาก็ดีนะ

ลูก”  น้ำเสียงผู้เป็นมารดาดู

กระตือรือร้นยิ่งนัก

“คือหนูไม่อยากเป็น  ก ข ค น่ะค่ะคุณแม่”  น้ำเสียงหัวเราะในตอนท้ายเบาๆ

“แม่ว่า ลูกห่วงอย่างอื่นมากกว่ามั๊ย”

“ไม่ได้มีอย่างอื่นหรอกค่ะ  แต่หนูมีแผนที่จะไป ทิเบต  เนปาล แล้วก็ภูฎาน  อยู่แล้วค่ะแม่  แต่ว่ายังไม่ใช่ตอนนี้”

“นั่นแหละที่แม่ว่าลูกมีเรื่องที่ต้องห่วงอยู่  มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะแม่รู้สึกว่าน้ำเสียงของลูกดูเนือยๆ”ปลายสายทอดน้ำ

เสียงอ่อนโยนห่วงใยทำให้คนฟังอดรู้สึกตื้นตันใจไม่ได้   เงียบไปนิดหนึ่งก่อนพยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปรกติ

 “ เปล่าค่ะชลก็แค่คิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่มากน่ะค่ะ”                                                                                     

“จริงหรือลูก   ชลถ้าลูกมีอะไรลูกควรจะเล่าให้พ่อกับแม่ฟังนะเราพร้อมที่จะช่วยลูกทุกอย่าง  อย่างเรื่องบ้านไร่เคียง

ดอยก็เหมือนกันป้าจันทร์เล่าให้แม่ฟังหมดแล้ว”

“คุณแม่รู้เรื่องแล้วหรือคะ  ป้าจันทร์นี่นะเร็วจริงๆ”  บ่นประโยคสุดท้ายเบาๆ

“อย่าไปโทษป้าจันทร์ที่เขาบอกความจริงกับแม่เลยสายชล”คุณนภาเรียกชื่อเต็มของลูกสาว  “มีความจำเป็นอะไรล่ะ

ที่ลูกจะไม่พูดให้แม่ฟัง  นอกจากลูกคิดว่าลูกสามารถแก้ไขทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง เพียงคนเดียวไม่เข้าใจความรู้สึก

ห่วงใยทั้งหมดที่แม่กับพ่อมีให้”

“จริงๆแล้วหนูไม่อยากให้คุณแม่กับคุณพ่อไม่สบายใจน่ะค่ะ เดี๋ยวจะเที่ยวไม่สนุก”

“ชลหนูเป็นลูกของแม่เพราะฉะนั้นแม่ถึงรู้ว่าลูกคิดอะไร   แม่พูดตรงๆ  แม่ห่วงลูกมาก” น้ำเสียงของผู้เป็นมารดาดู

เครือๆ ในความรู้สึกของสายชล

 “คุณแม่คะบ้านของเราไม่มีใครมาบังคับให้เราขายได้หรอกค่ะ สิทธิของเราบ้านเมืองมีกฎหมาย  คุณแม่ไม่ต้องห่วง

นะคะ”เธอรู้สึกไม่ค่อยดีเลย

ที่ทำให้มารดาต้องเป็นห่วงอย่างนี้                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                     มเป็น

  “ชลจ๊ะลูกอย่าลืมสิคำว่าอิทธิพลน่ะบางทีมันก็เป็นเงามืดดำทึบครอบคลุมแม้กระทั่งทำให้คนไม่สามารถแยกแยะถูก

ผิดได้  ลูกเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆเพียงคนเดียวถึงแม้ว่าลูกจะพิสูจน์ให้พ่อกับแม่เห็นแล้วว่าลูกเป็นคนเก่ง และมีความ

สามารถมากก็ตามแม่ก็ไม่สามารถเลิกห่วงลูกได้หรอกนะ”

“คุณแม่คะแล้วคุณแม่ไม่รักไม่ผูกพันกับบ้านที่คุณแม่เติบโตมาหรือคะ”

 “สายชลฟังแม่นะลูกบ้านเคียงดอยคือบ้านที่แม่รักมาก แม่มีความผูกพัน  อดีตแห่งความสุขของแม่อยู่ที่นั่น   แต่ให้

ลูกเชื่อแม่เถอะในโลกนี้มันไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าลูกของแม่ วันหนึ่งนะที่ลูกมีโอกาสเป็นแม่คนแล้วลูกจะรู้ความรู้สึก

ของแม่”   

“โธ่คุณแม่คะหนูไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณแม่รู้สึกแบบนั้น   แล้วหนูควรทำยังไงคะ”

“แม่ไม่อยากให้ลูกอยู่ที่นั่น” เงียบไปนิดหนึ่ง “เฉพาะช่วงนี้นะชล”

“แล้วคนของเราล่ะคะเขาก็ต้องการขวัญและกำลังใจ  หนูจะไม่ทิ้งเขาไปไหน และถ้าเราหนีเราก็ต้องหนีตลอดไปนะ

คะ  คุณแม่คะมันไม่มีอะไรร้ายแรงอย่างที่คุณแม่คิดหรอกค่ะ  และถ้าหนูจะไม่สามารถปกป้องสมบัติที่สำคัญที่สุด

สำหรับหนูได้ หนูจะบอกคุณพ่อกับคุณแม่ค่ะหนูสัญญา”

“แม่เชื่อหนู  แต่อย่าลืมนะ อย่าลืมว่าคนพวกนั้นไม่ได้มีเพียงแค่กลุ่มเดียว  มันมีหลายคนหลายกลุ่มที่เข้ามาหา

ประโยชน์จากที่ตรงนั้น  และไร่เคียงดอยของเรา มันตั้งอยู่บนจุดที่สวยงามมากเด่นสะดุดตาใครๆก็สนใจ    แม่ว่ามัน

อาจจะวุ่นวายจนทำให้คนของเราเองก็อาจไม่มีความสุข”

“ถ้าถึงวันนั้นจริงๆ หนูมีวิธีที่เด็ดขาดและดีที่สุดคิดเอาไว้แล้วค่ะ  แต่ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นนั้นหนูขอใช้วิธีอื่น

ก่อน  ..... จนกว่า” ....

“จนกว่าอะไรหรือจ๊ะลูก”น้ำเสียงที่ถามดูตกใจมิใช่น้อยทำให้คนฟังปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ

“ก็จนกว่าจะถึงที่สุดไงคะคุณแม่   แค่นั้นแหละค่ะ หนูรู้ว่าคุณแม่กับคุณพ่อรักและห่วงใยมาก  หนูจะไม่ทำอะไรให้

ต้องทุกข์ร้อนใจเด็ดขาดค่ะ” ยกเว้นถ้าจำเป็นประโยคนี้เจ้าตัวแอบต่อเล่นๆในใจ                                                                                         

“คุณแม่คะหนูขอคุยกับคุณพ่อหน่อยค่ะ”

 “จ๊ะได้จ๊ะ”  ตอบรับบุตรสาวพร้อมกับเรียกสามี

 “พ่อคะลูกอยากคุยด้วยค่ะ”

“ว่าไงเจ้าคนเก่ง”ทักทายบุตรสาวพร้อมกับหัวเราะชอบใจทีเดียว                                                                                         

“คุณพ่อชอบว่าหนูเรื่อย”

 

 

 “อ้าวพ่อไปว่าอะไรเราที่ไหน  พ่อชมลูกนะนี่หรือไม่จริง ก็ลูกสาวพ่อน่ะเก่งที่สุดอยู่แล้ว  แต่คนเราจะให้เก่งแค่ไหนก็

ต้องการเพื่อนช่วยคิดนะลูก มีอะไรก็โทรมาเล่าให้พ่อกับแม่ฟังนะลูก หนูน่ะนอกจากไม่ชอบโทรศัพท์แล้วก็ยังชอบปิด

มือถืออีกนะ เวลาพ่ออยากฟังเสียงใสๆของลูกน่ะก็โทรไม่ค่อยติดเลย  ทีเสียงแหบๆห้าวๆของเจ้าเมฆเจ้าภูน่ะได้ยิน

จนเบื่อ”พูดแล้ว บิดายังหัวเราะมาตามสายด้วยนิสัยเป็นคนอารมณ์ดี                                                                                        

 “หนูจะปิดก็เวลาที่ไม่มีสมาธิเท่านั้นแหละค่ะเวลาทำงานก็ต้องการความเป็นส่วนตัวนะคะคุณพ่อ”

 “ เออพ่อหมายถึงเวลาเดินทางเพราะลูกชอบเดินทางถ้าคนอื่นติดต่อไม่ได้ลูกก็ควรเป็นฝ่ายติดต่อ พ่อกับแม่ไม่คิดจะ

ปิดกั้นในสิ่งที่ลูกชอบนะเราเข้าใจ  จะมีก็คือความห่วงใยนะลูก”

 “ค่ะหนูรู้และ เข้าใจ”

“โทรไปคุยกับพี่เมฆพี่ภูก็ได้มีอะไรก็อย่าเก็บเอาไว้คนเดียว   พ่อกับแม่รักลูกมากนะแค่นี้

   ก่อนนะลูก”

 “หนูก็รักคุณพ่อกับคุณแม่มากค่ะ  สวัสดีค่ะ”

 

 

 

 

 

 

 

 

“ไม่เป็นไรหรอกน่าคุณทำหน้าดีๆหน่อย ลูกเราเค้าเก่งนะ”

 “ดิฉันห่วงลูกนะคะคุณ  แกเป็นลูกสาวคนเดียวของเรานะ ตั้งแต่ตอนที่แกเป็นเด็กแล้ว  มีอะไรก็ไม่ค่อยพูดไม่ค่อย

บอกความต้องการของตัวเองขออยู่อย่างเดียวขอให้เราอยู่กับเขานานๆแล้วเราก็ไม่เคยทำได้เลย ฉันรู้สึกเจ็บปวดทุก

ครั้งที่นึกถึงภาพลูกร้องไห้ยืนกอดขาแม่เอาไว้  เวลาที่เราจะจากแกไป”พอพูดถึงตรงนี้คุณนภาก็ถึงกับน้ำตาคลอ

หน่วยตาทั้งสองข้าง 

 “ช่วงวัยที่สำคัญวัยที่เริ่มต้นของลูกแท้ๆเลยเรากลับไม่มีโอกาสดูแลได้ให้ความรักความอบอุ่นกับลูกที่เพียงพอ”น้ำ

เสียงของคุณนภาบ่งบอกถึงความเสียใจยิ่งนักจนคนเป็นสามีอดรู้สึกไม่ได้

 “มันผ่านมาแล้วน่ะคุณ แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วล่ะ เราไม่สามารถย้อนเวลากลับได้  และถ้าคนเราสามารถแก้ไข อดีต

ไ ด้ เราคงเลือกที่จะทำชีวิตให้สมบูรณ์ทุกอย่างแต่มันเป็นไปไม่ได้  และถ้าเราเลือกแบบนั้นเราก็คงไม่มีสิ่งดีๆหลายๆ

อย่างให้ลูกเหมือนกัน  คุณคิดสิ  ว่าถ้าเรากลายเป็นคนที่ไม่มีอะไร  ลูกๆของเราทุกคนก็คงไม่มีอนาคตเหมือนกัน 

ถึงวันนี้ชลเขารู้ทุกอย่างนะคุณ พูดถึงตอนเป็นเด็กเมื่อเขาสามารถรับฟังเหตุผลจากเราเข้าใจ เขาก็เข้าใจพ่อแม่ดีนะ

ไม่ได้เป็นคนมีปัญหาอะไร”ฝ่ายภรรยาหันมามองหน้าสามีพร้อมกับพูดว่า 

“คุณไม่รู้สึกบ้างเลยหรือคะว่าลูกเราเขาดูแปลกๆ” ฝ่ายสามีมองสบสายตาภรรยาสุดที่รัก  “แปลกยังไงหรือคุณ

ผมก็เห็นเขาเป็นคนเก่งทำงานก็ประสบความสำเร็จ อายุเท่านี้ก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินระดับต้นๆของประเทศได้นี่มันไม่ใช่

ธรรมดาเลยนะ”

 

“มีความเป็นส่วนตัวสูงมาก  ไม่ยอมทำธุรกิจ สบายๆดีๆเหมือนพี่ชายทั้งสองของแก  มีอยู่สองอย่างที่แกอยากได้คือ

ไร่เคียงดอย    และการได้ทำงานศิลปะออกท่องเที่ยว  นอกนั้นไม่สนใจอะไรเลย”

“นั่นไม่ใช่ข้อสรุปที่คุณจะว่าลูกเป็นคนแปลกเหมือนที่คุณคิดนะ”

 “ บางครั้งฉันเข้าไม่ถึงความรู้สึกของแกเลยเดาไม่ออกจริงๆว่าคิดอะไรอยู่ในใจ”

 “ก็ไม่ต้องไปเดาสิ  คุณก็เห็นว่าลูกชอบงานศิลปะเต็มไปด้วยความคิดและจินตนาการ  ลูกได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วถ้า

ไม่คิดอะไรมาก ผมขอถามว่าคุณภูมิใจกับลูกไหม  ที่เขาก้าวมาถึงศิลปินระดับต้นๆได้ ใครๆก็รู้จักชื่อสายชลศิลปินนัก

วาดภาพฝีมือดีทั้งนั้นผลงานที่เขาทำอยู่เป็นสิ่งที่มีคุณค่าต่อ

สังคมและประเทศชาตินะคุณ  ความสามารถระดับนี้ใครๆก็ใฝ่ฝันที่จะก้าวไปยืนอยู่ตรงจุดที่สายชลทำได้ทั้งนั้นแหละ”

“ก็นั่นนะสิคะ  คุณคิดว่าแปลกไหมล่ะใครที่ไหนเมื่อโด่งดังแล้วไม่อยากให้ใครรู้จักล่ะ  ส่วนใหญ่ดิฉันก็เห็นมีแต่อยาก

ดังกันทั้งนั้นขนาดไม่ดังยังพยายามทำให้ดังเลย” 

พูดเสร็จก็หันไปทำหน้าตาขึงขังให้สามีเห็นด้วย

“แล้วคุณคิดว่าโลกนี้มีคนที่มีความคิดแตกต่างกันไหมล่ะ”

“ก็ต้องมีสิคะ”

  “นั่นแหละ เพราะว่าคนเหล่านั้นเขาต้องการชีวิตความเป็นส่วนตัว  ต้องการมีชีวิตที่ปรกติเหมือนคนทั่วไป  คุณดู

อย่างดาราหรือคนที่มีชื่อเสียงอื่นๆสิ เวลาไปไหนมาไหนมีคนล้อมหน้าล้อมหลัง  มันสูญเสียนะคุณสูญเสียความเป็น

ส่วนตัวตลอดไป  เพราะว่าเมื่อมีคนรู้จักเราแล้วมันก็ต้องรู้จักตลอดไป”นภาพยักหน้าช้าๆเมื่อคิดตามคำพูดของสามี

   “ ก็นั่นนะสิคะ”เธอ เริ่มคล้อยตามคำพูดของสามี

“แล้วพูดถึงเรื่องงานเรื่องการเงินต้องห่วงรึเปล่าล่ะชื่อเสียงขนาดนี้ ภาพของลูกชลน่ะเขาขายอยู่ที่ราคาเท่าไหร่แค่

ภาพสองภาพก็สามารถเที่ยวต่างประเทศได้สบายเลยไม่มีความ

เสี่ยงเหมือนทำธุรกิจด้วยนะคุณ”

   “ถึงฉันจะพูดแบบนั้นถึงฉันจะว่าลูกแปลก แต่ฉันก็ภูมิใจกับลูกมากนะคะ”

“ถ้าคุณภูมิใจคุณก็ต้องให้ความเชื่อมั่น  ดูคุณยังไม่รู้จักลูกของเราดีขึ้นเลยนะ  คุณอย่าพูดว่าลูก

แปลกให้เขาได้ยินเป็นอันขาด เพราะสิ่งที่ลูกต้องการมากก็คือความเชื่อมั่น  ขอให้เราเชื่อมั่นในตัวเขาทำให้ลูกเรา

เขาเห็นว่าเรารู้สึกเช่นนั้นมันจะเป็นเหมือนพลังสำหรับลูกด้วย  เชื่อผมนะ”

“ค่ะฉันเชื่อคุณแล้วฉันก็จะเชื่อลูกด้วย เพียงแต่ความเป็นแม่ทำให้อดห่วงไม่ได้”

“งั้นผมก็หมดห่วงแล้วล่ะ” พูดพร้อมกับโอบกอดกระชับร่างอันอวบอิ่มของภรรยาสุดที่รักไว้ในอ้อมแขนอันอบอุ่น

 

                                         

 

 

 

 

              ดอกไม้หน้าหนาวเริ่มผลิดอกบ้างแล้ว  อวดดอกงามที่โดดเด่น  ดอกไม้ป่าบานแย้มต้อนรับฤดูหนาว

ของทุกปี  ปลายฝน  เช่นนี้ก็พอมีบ้างที่มีดอกไม้บางดอกเริ่มแย้มบานก่อนใครอื่น  สายชลนึกอยากวาดภาพดอกไม้ที่

บานรับอรุณรุ่ง  ที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำค้างและฉากหลังที่เป็นสายน้ำ ภูเขา และแสงสีทองของท้องฟ้า เธอจึงตื่นขึ้น

มาแต่เช้าเพื่อต้อนรับวันใหม่และเริ่มทำในสิ่งที่ดีๆให้กับชีวิต  ดอกไม้สีเหลืองงามถูกเกาะพราว ด้วยหยาดน้ำค้าง รับ

กับฉากหลังที่เป็นแม่น้ำสะท้อนรับแสงเงินแสงทองของท้องฟ้าวันใหม่ยามอรุณรุ่ง  แสงทองจับขอบฟ้ากำลังเริ่มแผ่

รัศมี  สายชลบรรจงแต่งแต้มสีสันลงบนผืนผ้าด้วยอารมณ์สดชื่นและเบิกบาน  ผลงานที่ออกมาจากใจที่มีความสุข

ย่อมสวยงามเสมอ

เธอชื่นชมในผลงานของตัวเองเงียบๆและอิ่มสุขอย่างเหลือล้ำ

“คุณคะนมร้อนๆค่ะ”

“ขอบใจจ่ะป้า”สายชลรับถ้วยนมร้อนๆมาจากป้าจันทร์ 

“สวยมากเลยค่ะ   ป้ามองภาพนี้แล้ว   ป้ารู้สึกเหมือนป้าอยู่ในความฝัน เลยนะคะ”

“ป้าพูดแบบนี้กับภาพวาดทุกภาพของฉัน”  สายชลอดที่จะหัวเราะด้วยความพอใจไม่ได้

“ก็ป้าพูดตามที่ป้ารู้สึกนี่คะคุณ”

 “ จ๊ะฉันเชื่อที่ป้าพูด ก็นี่มันเป็นภาพวาดของสายชลนี่นาจริงไหมจ๊ะป้า”

  “ใช่ค่ะคุณชลของป้าเก่งที่สุดเลย”                                                                                 

 “ พอแล้วล่ะจ๊ะเดี๋ยวฉันจะอิ่มคำชมจนทานข้าวไม่ได้ข้าวต้มกุ้งของป้ามันจะเสียใจนะแล้วฉันก็ตั้งใจจะกินเยอะๆด้วย” 

ตอนท้ายประโยคเธอหันมาหัวเราะน้อยๆให้ป้าจันทร์ และนางก็พลอยหัวเราะไปกับอารมณ์ขันของเจ้านายด้วย

“ป้าจ๊ะป้าช่วยบอกน้าสมบูรณ์มาเอาภาพนี้ไปเก็บในห้องภาพให้หน่อยนะ”  บอกพลางเก็บอุปกรณ์การวาดภาพลง

กล่องอย่างพิถีพิถัน เธอรัก  และทะนุถนอมอุปกรณ์การวาดภาพมาก  ทุกชิ้นเธอจะต้องทำความสะอาดและเก็บอย่าง

เป็นระเบียบทุกครั้ง เป็นภาพที่ป้าจันทร์คนเก่าแก่เห็นจนเคยชิน ตั้งแต่สายชลยังเป็นเจ้านายตัวน้อยๆ  เป็นยังไงก็เป็น

แบบนั้นไม่มีเปลี่ยนแปลงไปเลย นางอดยิ้มชื่นชมคนที่เป็นเจ้านายไม่ได้ แต่คนถูกมองด้วยความชื่นชมกลับไม่ได้ใส่

ใจเพราะมัวสารวนอยู่กับการเก็บอุปกรณ์

 “ข้าวต้มกุ้งชามโตๆนะป้าจันทร์รู้สึกหิวเป็นพิเศษสงสัยรู้ว่าจะได้ทานฝีมือป้าจันทร์แน่เลย”คนพูดๆโดยที่ไม่ได้หันมา

มองหน้าแม่บ้านคนเก่าแก่อีกเลยเพราะยังคงจดจ่ออยู่กับการทำงาน

 “ได้ค่ะ แล้วรับอะไรเพิ่มอีกไหมคะ” 

  “ อือ  ขอเป็นชาน้ำผึ้งมะนาวก็ดีนะป้า น้ำผึ้งหวานๆจากไร่ของเรา ทานแล้วเช้านี้ฉันคงมีพลังน่าดูเลย  จะได้ไปเดิน

สำรวจไร่สักหน่อยป้าจันทร์ช่วยบอกลุงมีด้วยนะคะ”

“ไม้ดอกกำลังบานสวยเลยล่ะค่ะคุณชล  ที่กำลังตัดขายได้ก็มีหลายชนิดแล้วนะคะ”

“ดีจังลุงมีนี่เก่งจังเลยนะ เดี๋ยวป้าจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ ฉันจะไปอาบน้ำ”

 “ค่ะ”

หลังจากนั้นป้าจันทร์ก็รีบไปทำข้าวต้มกุ้งให้สายชลทันที นางมีความรู้สึกว่านางโชคดีมากที่ได้เจ้านายอย่างสายชล

อยู่ง่ายกินง่ายอยู่ใกล้แล้วสบายใจเป็นทั้งร่มโพธิ์ร่มไทรสำหรับนาง สามีและก็คนงานทุกคนจริงๆ  นึกอธิฐานในใจขอ

ให้คุณสายชลเธอได้พบกับคนดีๆด้วยเถอะ                                                                      

“ไร่เคียงดอย  ของใครกันนะจ่าพอรู้จักเจ้าของไหม”

 “เจ้าของน่ะไม่รู้จักหรอกครับ รู้แต่ว่าย้ายครอบครัวไปตั้งรกรากอยู่ที่กรุงเทพ  ตอนนี้ก็มีคนดูแลกิจการในไร่ส่วนเจ้า

ของเห็นว่านานๆจะมาสักครั้งหนึ่ง”

  “มีข้อมูลดีเหมือนกันนี่นะจ่า”

  “ครับก็ผมพอจะรู้จักคนงานที่ทำงานในไร่นี้อยู่บ้าง  เอ ว่าแต่สารวัตรถามทำไมหรือครับหรือว่ามีอะไรเป็นพิเศษ”

จ่าเข้มถามพร้อมชำเลืองสายตามองเจ้านายอย่างนึกสงสัย

 ธนชาติหัวเราะกับท่าทางช่างสงสัยของลูกน้องคนสนิท  เปล่าผมไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอกจ่าเพียงแค่รู้สึกชอบเท่า

นั้นมันสวยมากเลยนะ อยากลองเข้าชมข้างในดูบ้าง  ผ่าน

มาทุกครั้งเป็นต้องรู้สึกอย่างนี้ทุกทีเลย  แปลกเหมือนกันผมว่ามันเป็นไร่ที่มีเสน่ห์ อย่างบอกไม่ถูก”

“อะไรกันครับสารวัตร”จ่าเข้มอดยิ้มกับอารมณ์โรแมนติกของเจ้านายไม่ได้

 “ถ้าบอกว่าไร่นี้มีลูกสาวสวยก็ว่าไปอีกอย่างนะครับจะได้น่าเข้าไปหน่อย”

 “ มันก็ไม่แน่เหมือนกันนะจ่า.....”คนพูดคงต้องการพูดเล่นสนุกๆไปตามนิสัยของคนอารมณ์ดี

“แต่มันก็จริงเหมือนที่จ่าว่านะ เพราะสาวๆสวยๆเขาก็คงไม่มาอยู่กลางไร่กลางป่าอย่างนี้หรอกพวกเธอชอบที่ๆมัน

เจริญและเต็มไปด้วยความสิวิไลมากกว่า”

“มันก็ไม่แน่อีกนะครับคนเราน่ะคิดไม่เหมือนกันอาจจะมีผู้หญิงสาวๆสวยๆที่ชอบใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติกลางป่าก็ได้

แต่เท่าที่มีอยู่นี่ผมว่ามันก็มากแล้วนะครับสารวัตร   มีแต่คนสวยๆทั้งนั้นเลยว่าแต่สารวัตรน่ะสนใจคนไหนเป็นพิเศษล่ะ

ครับ  แต่ถ้าให้ผมเดาผมว่าน่าจะเป็นคุณ....”

  “อย่าเดาเลยจ่าเดาไม่ถูกหรอก”

 “อ้าวผมยังไม่ได้เอ่ยเลยนะครับปิดโอกาสซะแล้ว” จ่าเข้มหัวเราะถูกใจที่แซวเจ้านายได้

“ผมยังไม่มีความรู้สึกพิเศษแบบนั้นกับใคร”

 “จริงเหรอครับ”

 “ก็จริงนะสิจ่าผมจะโกหกจ่าทำไม”

 

 “ว้าอย่างนี้ถ้าสาวๆมาได้ยินเข้าก็คงเสียใจแย่เลยนะครับ”

  “ก็ถ้าจ่าไม่พูดใครเขาจะไปรู้ล่ะ”

 “ครับก็จริงนะครับ”

 “ผมได้ข่าวว่าที่แถวนี้เขาขายกันไปเยอะแล้วนะ”

“ครับพวกนายทุนกว้านซื้อไปจวนจะหมดแล้วที่ยังเหลืออยู่ก็คงจะ เป็นไร่เคียงดอยนี่แหละครับ ก็เจ้าของเขาเป็นคนมี

เงินมีทองเหมือนกันคงไม่คิดจะขายหรอกผมว่าแต่ก็ไม่แน่เหมือนกันนะครับเพราะเขาก็ไม่ได้อยู่ที่นี่อาจจะอยากขาย

เพราะไม่อยากดูแล หรือตัดปัญหาก็ได้  ผมได้ข่าวมาว่าตอนนี้ที่แถวๆนี้กำลังมีปัญหาพวกนายทุนต่างแย่งกันเพื่อเป็น

เจ้าของที่ให้มากที่สุด ทั้งกิจการรีสอร์ทโรงแรม  ”  “น่าเสียดายนะถ้าเขาจะขาย  ผมคนหนึ่งล่ะคงรู้สึกเสียดายมากถ้า

ไร่นี้จะกลายเป็นอะไรสักอย่างที่ไม่เหลือสภาพความเป็นธรรมชาติไว้เหมือนเดิม”

 “ก็คงไม่มีใครทำอะไรได้หรอกครับสารวัตร หรือไม่สารวัตรก็ซื้อไว้ซะเองสิครับชอบอยู่แล้วไม่ใช่หรือครับ”

  “นั่นสินะ  เฮ้ย!   เรามันข้าราชการจะไปเอาเงินที่ไหนมาซื้อล่ะจ่าที่เป็นพันไร่”

“ก็ขอนายแม่ของสารวัตรสิครับ  ไม่แน่นะครับเผื่อสารวัตรเล่าให้ท่านฟังท่านอาจจะสนใจก็ได้”

 “ไม่เอาล่ะจ่าถ้าเป็นเหมือนที่จ่าพูดผมว่าตอนนี้ที่มันกำลังมีปัญหาผมไม่อยากยุ่งกับพวกนายทุน  ให้เจ้าของไร่เขาสู้

ไปเถอะ”

 “ใช่ครับดูท่าจะไม่ธรรมดาเสียด้วย” ทั้งสองหันไปมองไร่เคียงดอยอีกครั้งก่อนที่จะพ้นจากอาณาเขตไร่

“ เออจ่าเลยไร่นี้ไปสักหน่อยมีร้านขายของชำเล็กๆจ่าช่วยจอดซื้อน้ำเปล่าเย็นๆให้ผมหน่อยนะรู้สึกหิวน้ำ”

  “ ครับสารวัตร”

 

 

 

 

 

           สายชลแต่งตัวทะมัดทะแมงด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวกระชับเข้ารูปสีน้ำตาลอ่อนกางเกงยีนสีน้ำเงินเข้ม  ผมยาว

ถักเปียไว้เรียบร้อย สวมแว่นกันแดดและหมวกมิดชิด เธอสวมรองเท้าบู๊ทเพื่อป้องกันแมลงมีพิษที่อาจจะกัดเอาได้ 

ตอนนั้นเป็นเวลาบ่ายแก่ๆแล้วแดดเริ่มอ่อนแสงลง  เธอเดินสำรวจจนถึงท้ายไร่  ใช้เวลานานทีเดียวจนรู้สึกพึงพอใจ

กับผลผลิตที่กำลังผลิดอกออกผล  และกำลังเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้วเป็นบางชนิด คนงานทุกคนก็ดูกระตือรือร้นขยัน

ขันแข็งดี  ในเนื้อที่กว้างใหญ่ของไร่เคียงดอย  ดูเต็มไปด้วยมิตรภาพและน้ำใจไมตรี มองเห็นสีหน้าของทุกคน

สายชลก็รู้ว่าพวกเขามีความสุข

 

ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใสยกมือไหว้ ทักทายสายชล ซึ่งเธอก็เป็นกันเองกับทุกคน ไม่ถือตัวว่าเป็นนาย  ถามไถ่ทุกข์สุขกับ

ทุกคน  เอาไว้วันว่างๆเธอตั้งใจว่าจะมาลุยงานกับพวกเขา ซึ่งเธอก็ทำเป็นประจำอยู่แล้วเวลาที่มาบ้านไร่และมันก็ทำ

ให้เธอได้ใจของคนงานด้วย

 “เดินจนถึงท้ายไร่เลยนะครับคุณชลเหนื่อยไหมครับ”

“ก็ตั้งใจไว้นี่จ๊ะลุงมี  ไม่เหนื่อยหรอกมีความสุขดีซะอีก  จำไม่ได้เหรอฉันน่ะพวกแบกเป้เที่ยวนะเดินซะจนเป็นเรื่อง

ปรกติแล้ว  แค่นี้น่ะสบาย”

 “ครับลืมไปจริงๆนั่นแหละ” สีหน้าลุงมียิ้มๆแสดงความชื่นชมเจ้านาย

  “แต่ฉันก็สู้ลุงมีไม่ได้หรอกนะเดินทุกวันนี่นาแข็งแรงด้วยนะออกกำลังกายทุกวันแบบนี้”                                                                             

 “ตกมาปีนี้เริ่มรู้สึกตัวว่าแก่แล้วครับคุณชล” สายชลยิ้มรับกับคำพูดของลุงมี

“ ไม่แก่หรอกจ๊ะลุง ลุงน่ะดูแลไร่นี้ไห้ฉันได้สบายๆไปอีกนานเลยล่ะ  ลุงมีจ๊ะลุงช่วยบอกพี่ป้าน้าอาพวกเราทุกคนด้วย

นะจ๊ะว่าพรุ่งนี้ตอนเย็นฉันจะเลี้ยงอาหารทุกคน  เพราะฉันไม่ได้กลับไร่นานแล้ว ทุกคนจะได้พักผ่อนและดื่มกินกัน

อย่างเต็มที่” ยังไม่ทันที่สายชลจะพูดจบและลุงมีก็ยังไม่มีโอกาสได้ประกาศ เสียงร้องไชโยก็ดังขึ้นเริ่มจากต้นเด็ก

หนุ่มวัยยี่สิบต้นๆหน้าตาดีซึ่งยืนอยู่เคียงข้างอ้อนแฟนสาวและเป็นลูกสาวคนงานในไร่  ตอนนี้ต้นกำลังเรียนกฎหมายปี

สอง ของมหาวิทยาลัยสุโขทัย โดยทำงานในไร่และใช้เวลาที่ว่างจากงานในการอ่านหนังสือเนื่องจากฐานะทางครอบ

ครัวไม่เอื้ออำนวยเหมือนเพื่อนคนอื่นๆที่เรียนกันตามมหาวิทยาลัยใหญ่ๆดังๆเพราะพ่อกับแม่ของต้นก็เป็นคนงานในไร่

มานานแล้วต้นจึงโตที่นี่และสายชลก็รู้จักเป็นอย่างดีรวมทั้งอีกหลายๆคน นอกจากเสียงของต้นแล้วก็ยังมีเสียงไชโย

ของคนงานอีกหลายๆคนที่ได้ยิน เรื่องที่สายชลพูด

  “ผมว่าแล้วถ้าคุณสายชลกลับบ้านไร่เคียงดอยเมื่อไหร่ จะต้องมีอะไรดีๆแน่นอน

 “นี่ต้นฉันยังพูดไม่จบเลยนะนักกฎหมายน่ะจะต้องสำรวมและสมาทกว่านี้นะ”สายชลได้ยินเสียงอ้อนหัวเราะเบาๆอยู่

ข้างๆต้น

 “เงียบน่ะอ้อนหัวเราะที่พี่โดนคุณชลว่าเหรอ”

  “ นี่ต้นฉันแซวเธอเล่นเฉยๆ”

 “ ผมรู้อยู่แล้ว”

 “ มั่นใจจังเลยนะเรา”

 “ใครไม่รู้จักคุณชลก็แย่แล้วครับ”

  

“ ถ้างั้นฉันคงไม่ให้ลุงมีประกาศแล้วล่ะ  เอาเป็นว่าทุกคนรับรู้พร้อมกันเลยนะว่า พรุ่งนี้ทำงานถึงแค่เที่ยงวันก็พอ ช่วง

บ่ายให้ทุกคนเตรียมตัวช่วยกันในเรื่องอาหารและสถานที่ใครอยากกินอะไรเป็นพิเศษก็เสนอได้เลยเอาเป็นลานเคียง

ดาวข้างบ้านเหมือนเดิมนะ เรื่องที่ต้องการแจ้งกับทุกคนก็มีแค่นี้แหละ  แล้วพรุ่งนี้เจอกันทุกคนนะจ๊ะ” พอจบเสียงพูด

ของสายชลเสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นอีกครั้งกว่าจะเงียบลงและตามด้วยเสียงพูดคุยกันอีกนานถึงงานวันพรุ่งนี้  สายชลก็

เดินกลับถึงบ้านเคียงดอยเรียบร้อยแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

                                                                                       

เจ้าของไดอารี่

กำลังทำอะไรอยู่
ไม่ได้อัพเดทสถานะมาช่วงหนึ่งแล้ว
864 วันที่ผ่านมา

สายน้ำและความทรงจำ
ความสนใจ:
เพลง, หนังสือ, ท่องเที่ยว, นิยาย/งานเขียน
<<มีนาคม 2557>>
อา. จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส.
      1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031

สถิติผู้เยี่ยมชม

ผู้เยี่ยมชมวันนี้ 22 คน
ผู้เยี่ยมชมทั้งหมด 214,194

ไดอารี่เพื่อนบ้าน

สายน้ำและความทรงจำ ยังไม่มีไดอารี่เพื่อนบ้าน

อัลบัมโหวตของ สายน้ำและความทรงจำ

สายน้ำและความทรงจำ ยังไม่มีอัลบัมโหวต

ไดอารี่ที่อัพเดทล่าสุด

โดย พงษ์ศักดิ์ หิรัญเขต
สายน้ำ กาลเวลา ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่เหมือนความรู้สึกในใจ ไม่ว่านานเท่าใด ยังอยู่ในใจเสมอ
';