วันเวลาผ่านไปอย่างช้าเลย ใจอยากออกไปมากๆเลย อีกแค่หนึ่งวันแค่นั้น แต่ทำไม่มันถึงได้ยาวนานขนาดนี้ เหมือนเป็นสัปดาห์เลย เหนื่อยแล้ว ช่วงนี้ถือว่าเป็นเวลสแห่งความท้าทาย ตั้งแต่โดนไล่ออกจากบริษัทนั้นก็รู้สึกว่าชีวิตมีความท้าทายอบ่างมากเลย ใจหนึ่งก็โกรธนะที่มาทำแบบนั้น แต่ใจหนึ่งก็ซะว่าเป็นประสบการณ์ ที่ชีวิตมีความยากลำบากเกิดขึ้น เงินก็ไม่ได้สักบาทตอนไปที่ฟิลิปปินส์ เพราะโดนค่าปรับไปหมดเลย พอออกมาแล้วก็แคว้งคว้างเลย จับต้นชนปลายไม่ถูกกับชีวิตของตนเอง เหมือนไก่ตาแตกนั้นแหละ ตอนนี้ก็กำลังจะเปลี่ยนงานอีกเพราะรู้สึกว่าการต้อนรับไม่ค่อยมี ความกระตือลือล้นก็ไม่มีหรอก คนว่าก็เยอะ แต่ก็ช่างเถอะ เขาไม่ได้มาหาให้เรากินจะแคร์ทำไมต้องไปแคร์ เขา อีกไม่นานชีวิตก็คงจะเป็นรูปเป็นร่างกว่านี้ก็ได้นะ เพราะเหนื่อยมาเยอะแล้ว อยากมีงานอาชีพที่เป็นหลักเป็นแหล่งมากกว่านี้ เพราะตั้งแต่เรียนจบมาก็แทบจะไม่มีความมั่นคงอะไรเลยกับชีวิต อาชีพการงานก็ธรรมดามากไม่มีอะไรพิเศษที่จะไปแข่งขันกับใครได้เลย นึกขึ้นมาแล้วอยากร้องไห้ วันที่20 ก.ย.นี้ก็ลาออกแล้วและเป็นการทำงานที่นี่ครั้งสุดท้ายไม่น่าจะกลับมาอีกแล้วละ อยากทำงานสุจริตมากกว่าเบื่อแล้วกับชีวิตสีเทา พอถึงกาฬสินธุ์ก็คงต้องปรับตัวอย่างมากเลยแหละ ทั้งเรื่องงานความเป็นอยู่ ต้องฝากชีวิตไว้กับพระเจ้าแล้วละ เอาจริงๆก็กังวลอยู่เหมือนกันนะ ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง เพราะชีวิตที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย กลัวว่าสถานการชีวิตจะอยู่กับที่ไม่ไปไหน การมาอยู่ในต่างประเทศแบบนี้ก็เป็นอะไรที่ไม่ง่ายเหมือนกันนะ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าทำพาสปอร์ตหายจะกลับไทยยังไงดี หรือว่าต้องเดินทางไปที่ พนมเปญที่ทพพาสปอร์ชั่วคราวรึเปล่า แอบเสี่ยวอยู่นิดๆนะ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆก็ไม่อยากไปไหนมาไหนคนเดียวเท่าไหร่ เพราะถ้ามีปัญหาขึ้นมามันจะแก้ไขลำบาก ถ้ามีคนอื่นอย่างน้อยก็มีคนช่วยเหลืออยู่นะ เมื่อสักครู่ที่ผ่านมาก็แวะไปที่ผ่ายบุคคลชั้น5ไปยื่นใยพ้นสภาพมา รู้สึกดีใจนะที่จะได้ไปเป็นอิสระแล้ว แต่ก็ต้องเหนื่อยในการเริ่มต้นใหม่ ตอนนี้ก็17.13 เหลือเวลาอีกประมาณ1ชั่วโมง ก็กลับแล้ว รู้สึกอึดอัดที่สุดเลย เป็นการทำงานที่ยาวนานที่สุดเท่าที่เคยเจอที่มะนิลาทำ12ชั่วโมงก็ไม่น่าเบื่อขนาดนี้ แต่ระทึกมากกว่า น่ากลัวนิดนิด แต่ไม่อึดอัดแบบนี้ เท่าที่ดูสำหรับหัวหน้างานคนนี้เป็นคนใจแคบนิดนึ่งนะ ไม่ค่อยมีน้ำใจต่อใครเท่าไหร่ ติดสินตามอารมณ์ เชื่อใจไม่ค่อยได้