เมื่อสายลมห่มหัวใจคนไกลบ้าน (ใกล้ยังเหมือนไกล)
21 กรกฎาคม 2556
เมื่อสายลมห่มหัวใจคนไกลบ้าน
.......
ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า
.......
ไกลแค่ไหนก็เหมือนใกล้
ใกล้แค่ไหนก็เหมือนไกล
แท้จริงก็อยู่ที่เราเองนะ
ผีเสื้อสีฟ้า
บินมาจากไหน
ผ่านสายน้ำไหล
ผ่านใจเหว่หว้า
คืนวันเคยเหงา
เศร้าเร้นเรื่อยมา
กลับได้เจิดจ้า
เมื่อปีกฟ้าโบยบินผ่าน
.....................
จากหัวใจคนไกลบ้าน
อยู่ใกล้แค่ไหนก็เหมือนไกล
เมื่อหัวใจไม่แนบเนา
.................
คิดถึงบ้านนานมาที่ลาจาก
ฝันอีกฟากฝ่าไปต้องใส่เสริม
เพียรเพื่อผ่านงานคนที่ทนเติม
เพียรเพื่อเพิ่มพบฝัน วันกลับมา
ชีวิตทุกชีวิตที่ก้าวเดินไปข้างหน้า
ล้วนมีเวลาที่จะหยุดพักเพื่อดูและศึกษาเส้นทางที่ก้าวผ่านมาเสมอ
บางครั้งก็ยอมรับว่าถามตัวเองอยู่เสมอ เกี่ยวกับการใช้เวลาที่ผ่านไป
วันหยุดหลายวันต่อเนื่องนี้ก็เช่นกัน…รู้สึกดีหน่อยที่ได้ใช้เวลาอยู่บ้านบ้าง
แต่ในอีกสองวันที่เหลือนั้นก็มีภารงานที่ต้องรับผิดชอบเสียแล้ว
นึกๆถามตัวเองเหมือนกันในเวลาที่อยู่ลำพัง… ว่าเราได้ใช้และจัดสรรเวลา
สำหรับคนที่มีค่าใกล้ตัวของเราคุ้มแล้วหรือ
ทุกๆครั้งก่อนที่เราจะก้าวออกจากบ้านด้วยภาระงานใดๆก็ตาม
มักจะได้พบหรือสบกับสายตาที่คอยห่วงใยอยู่เบื้องหลังเช่นนี้เสมอ
อึม…ติดอีกแล้วนะ…ไปอีกแล้วหรือ…
และสุดท้ายก็ได้แต่ทอดสายตาอวยชัยให้พร
วันนี้ขับรถออกจากบ้านได้แต่เฝ้าป้อนคำถามกับตัวเอง
คำถามที่ตัวเรานั้นไม่ใคร่ใส่ใจมาเนิ่นนาน
นี่ความจริงแล้วเราจัดสรรเวลาได้ถูกต้องเหมาะสมแล้วหรือ
กับภาระหน้าที่ๆเราทำความจริงแล้วเราอาจจะบริหารจัดการได้ดีกว่านี้
เผื่อบางทีในวันพิเศษหรือสำคัญเราจะได้เก็บเวลาอันมีค่านี้ไว้มอบแด่
คนที่คอยห่วงใยเราอย่างเสมอต้นเสมอปลาย และเสมอมา
เมื่อวานนี้ มีเวลาว่างได้พักผ่อน จึงได้ใช้เวลาที่มีเดินสำรวจสวนรอบๆบ้าน
บ้านของเราที่เคยคุ้น….มานาน….หากจะมีเวลาได้สำรวจก็น้อยนัก
โอกาสเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้ก็เมื่อเราได้ปล่อยวางภารกิจออกจากตัวเรา
ฉันเดินไปเรื่อยจนหยุดริมต้นลีลาวดี
เมื่อก่อนตอนยังเล็ก พ่อพาเรียกจำปา (ชื่อเดิม)
ใต้ต้นนั้นหญ้ายังเขียว ฉันหยุดนิ่งและมองดู ทั้งกลีบดอกใบ หล่นเกลื่อนพื้น
อดที่จะแหงนมองดอกใบที่ยังสดบนต้น เลยมองไปบนฟ้าใสแจ๋วเสียมิได้
ดอกใบที่หล่นเกลื่อนพื้น มีทั้งดอกใบที่ยังสดสีงาม แต่เมื่อแลมองข้างๆแล้ว
กลับพบว่า สีน้ำตาลอ่อนๆปนเข้มบ้างได้กัดกินกลีบดอกใบไปเรื่อยจนสีสันนั้นค่อยๆเปลี่ยนไป
หลายวันเข้าความสวยงามใดๆก็ไม่หลงเหลือ เก่าก็เน่าสลายไป ใหม่ก็หล่นทับถมแทนที่
เดินไปอีกนิดก็พบโซฟาไม้ตัวเก่าที่พ่อชอบนั่ง ยังคงตั้งอยู่ที่เดิม
เลยถัดไปจากนั้น แผ่นกระเบื้องที่เคยปูไว้เป็นพื้นอย่างสวยงามที่เคยเห็นก็ชำรุดไปแล้ว
ทำให้รู้สึกได้ว่าทุกๆอย่างในโลกนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงไปในทุกๆวัน
ฉันรู้สึกใจหาย เพราะในแต่ละวันเวลาที่ผ่านไปนั้น
สิ่งสำคัญในชีวิตอาจเกี่ยวเนื่องกับเรื่องงานเสียเป็นส่วนใหญ่
แต่นี่คือสิ่งใกล้ๆตัว คุ้นเคยทุกๆวัน
แต่กลับมีเวลาใส่ใจได้สักเท่าใดนะ…ขอถามตัวเองอีกครั้ง
เมื่อค้นพบหลากหลายนัยความหมาย ทั้งทางสายตา
และจิตสัมผัส…หัวใจที่ไหวอ่อนเช่นนี้ก็ควรพินิจและนำไปปรับคิด
หากเมื่อเดินต่อไปอีกสักนิดฉันก็ได้หยุดนิ่งที่ต้นพะยอม
พะยอมต้นนี้ที่เคยเห็นแต่นานมา
บัดนี้มีกิ่งไม้ค้ำไว้เพื่อคอยพยุงมิให้ล้มหากลมหรือพายุฝนมาแรง
ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างเปลี่ยนแปลงไปตามวันเวลา
สิ่งที่คุ้นตาก็เปลี่ยนไปตามวัน
......................
คนเราเกิดมาไม่สามารถหยุดในสิ่งเหล่านี้ให้คงที่ได้
แม้วันคืนเก่าๆที่แสนสดใสสวยงามก็อาจเป็นได้แค่ความทรงจำ
ต้นไม้ใหญ่นั้นเปรียบได้ดั่งบุพการีผู้มากอายุ
ต้นไม้เมื่ออายุมากต้องใช้ไม้ค้ำคอยพยุงฉันใด
พ่อแม่ผู้ใหญ่ก็คงฉันนั้น ความรักและอบอุ่นที่ได้รับ
ก็เหมือนน้ำทิพย์ซึ่งคอยชโลมจิตใจ
ให้รู้สึกสดชื่นแจ่มใส…
…เวลาผ่านแล้วผ่านเลยไป
เมื่อเวลาและสิ่งสำคัญในชีวิตได้จากหรือผ่านไป
คงยากที่ใครจะสามารถย้อนคืนและวันนั้นกลับมาได้
ใช้เวลาที่มีอยู่นี้ให้เหมาะสมและคุ้มค่าเถอะนะ
บางทีหากเราคิดดูให้ถ้วนถี่แล้ว
สิ่งที่เราทำอยู่ อาจยังไม่พอหรือ อาจทำได้ดีกว่านี้อีกนะ
คิดถึงบ้าน ไม้เมือง
สายลมห่มหัวใจคนไกลบ้าน
สายธารที่ทอดยาวดาวเด่นฟ้า
หว่างความหวังวาดไว้ในศรัทธา
ที่แทนค่าความงามตามสายลม