หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
ดูรายการโปรด เพิ่มเป็นรายการโปรด

นิทานแห่งสายฝน (หยดน้ำฉ่ำชื่นในคืนหนาว)

วันที่ 5 มิถุนายน 2556

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

หยดน้ำฉ่ำชื่นในคืนหนาว
อะคร้าวพราวพร่างอยู่กลางสวน
วาววับจับใจให้รัญจวน
ถ้อยถ้วนหวนหาด้วยอาลัย

 

 

 

วันนี้ฝนตกอากาศดีจัง

เวลาที่มองดูสายฝนพร่างพรู

ทำให้นึกถึงบรรยากาศเมื่อครั้งยังเล็ก

เคยขอให้ผู้ใหญ่ท่านเล่าเรื่องราวของที่มาแห่งสายฝน

โดยเฉพาะที่เป็นตำนานและนิทานพื้นบ้านแล้วละก็ยิ่งชอบฟัง

 

 

 

 

 

นิทานหรือตำนานพื้นบ้านสมัยก่อนโน้นที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับฝน

มีอยู่หลายเรื่องที่น่าสนใจ เช่น

ตำนานบั้งไฟ ตำนานพระวิรุณ ตำนานเมขลา-รามสูร ตำนานรุ้งกินน้ำ ฯลฯ

เนิ่นนานมาแล้วที่เคยฟังเรื่องราวเหล่านี้...ลองทบทวนเรื่องราวเก่าๆก็น่าจะดี

 

 

 

 

 

 

 

ตำนานบั้งไฟ

ตำนานบั้งไฟ เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อเกี่ยวกับผีฟ้า "พญาแถน" ผู้มีหน้าที่บันดาลให้ฝนตกในโลกมนุษย์ ต่อมามีผู้มีบุญมาเกิดในโลกมนุษย์ ชื่อ "พระยาคันคาก" มีอิทธิฤทธิ์มากสามารถช่วยเหลือปัดเป่าทุกข์ภัยให้กับชาวบ้าน จนชาวบ้านลืมไหว้บูชาพญาแถนดั่งที่เคยปฏิบัติ

พญาแถนจึงโกรธและทำให้ฝนไม่ตก มนุษย์ทั้งหลายได้รับความเดือดร้อนมาก จึงได้ส่ง "พญานาค" และ "พญาต่อ-แตน" ไปรบแต่ก็พ่ายแพ้พญาแถนกลับมา จนในที่สุดพระคันคากจึงอาสาไปรบและได้ชัยชนะ พญาแถนจึงทำให้ฝนตกดังเดิมโดยพระยาคันคากจะจุดบั้งไฟเพื่อบอกให้พญาแถนทำให้ฝนตกในเวลาเดือน 6 เดือน 7 ของทุกปี และผู้คนจะแกว่งโหวดในเดือน 11-12 เพื่อให้ฝนหยุดตกเพราะเป็นเวลาเก็บเกี่ยว

 

 

 

 

 

ตำนานพระวิรุณ เทพแห่งสายฝน

เรื่องราวของ "พระวิรุณ" หรือ "พระพิรุณ" เทพเจ้าแห่งสายฝนของไทยเรานั้น ในทางพุทธศาสนาแล้ว เชื่อว่า พระพิรุณเทพนั้นอยู่บน "สวรรค์" ชั้นดาวดึงส์ ที่เป็นเทพแห่งสายฝน สภาพดินฟ้าอากาศ มีหน้าที่รับคำบัญชาจาก "พระอินทร์" อีกทอดหนึ่ง

และยังมีเทพรองลงไป เพื่อทำหน้าที่ต่าง ๆ เช่น เทพปรชันยะ (ผู้ประทานฝน) เทพปัชชุนนะ หรือ วัสสวลาหกเทพ (เทพแห่งเมฆฝน) สีตวลาหกเทพ (หนาวเย็น) อุณหวลาหกเทพ (ความร้อน) อัพภวลาหกเทพ (เมฆหมอก) วาตวลาหกเทพ (ลม) ซึ่งบรรดาเทพเหล่านี้ จะทำงานประสานกัน หรือผสมกลมกลืน เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อให้เกิดฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล

 

 

 

 

 

 

ตำนานเมขลาและรามสูร

พระพิรุณนั้นมีธิดาองค์หนึ่ง มีนามว่า “นางเมขลา หรือ นางมณีเมขลา” ชื่อของนางจะดังควบคู่กับอสูรตนหนึ่งที่ชื่อว่า “รามสูร” เสมอ

"รามสูร" เป็นยักษ์ ถือ "ขวานเพชร" เป็นอาวุธ เป็นเพื่อนกับ "พระราหู"


เมื่อพระราหูไปดื่มน้ำอมฤตที่ "พระนารายณ์" ชักชวนไปกวน แล้วถูกพระนายรายณ์เอาจักรขว้าง ตัดร่างขาดครึ่งตัวแต่ไม่ตายเพราะดื่มน้ำทิพย์ รามสูรก็คิดจะขอพร "พระอินทร์" ให้พระราหูกลับมีร่างดังเดิม

บังเอิญนางเมขลาไปลัก "ดวงแก้วพระอินทร์" จึงจะจับนางไปถวายเพื่อได้ความชอบก่อน แต่เมขลาก็หลบหลีกโยนแก้วล่อหลอกรามสูร รามสูรจึงขว้างขวานเพชรไป แต่อำนาจดวงแก้ววิเศษคุ้มครองนางเมขลาไว้ ต่างวนเวียนไล่ล่อกันจนเกิดเป็นฟ้าแลบ เพราะแสงแก้วของเมขลา และมีเสียงฟ้าร้องเพราะรามสูรขว้างขวาน

 

เรื่องฟ้าคะนองนี้มีอีกตำนานหนึ่งว่า เป็นเพราะรามสูร เมขลา และพระประชุน มาชุมนุมรื่นเริงกัน (พระประชุน คือ พระอินทร์ นั่นเอง ซึ่งในสมัยพระเวทที่มีหน้าที่ทำให้เกิดพายุฝน พระอินทร์ในหน้าที่นี้เรียกว่า ปรรชันยะ หรือ ปรรชัยนวาต ไทยเรียกเป็นพระประชุน) เมื่อมีการชุมนุมรื่นเริงกันของเทพแห่งฝน เมขลาผู้มีดวงแก้วและรามสูรผู้มีขวานจึงทำให้เกิดฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า

 

 

 

 

 

 

ตำนานผีอี่ฮุง (รุ้งกินน้ำ) จากล้านนา



ยามใดที่มีฝนตกและดวงตะวันสาดแสงส่องอยู่ด้านตรงกันข้าม "ผีอี่ฮุง" จะลงมากินน้ำ บางครั้งซ้อนกันสองตัว บางทีซ้อนกันสามตัวแล้วแต่โอกาส ผีอี่ฮุงที่เปล่งแสงอันงดงามอยู่ตรงกันข้ามกับดวงตะวัน ทำให้ลำตัวยาวเกิดสีเจ็ดสีแสงสวยสด ยิ่งผืนสายฝนหนาเท่าใด ยิ่งทำให้สีลำตัวผีอี่ฮุงแจ่มชัด หากผืนสายฝนกว้างมากเท่าใดผีอี่ฮุงจะซ้อนกันสองตัว สามตัวพากันลงมากินน้ำ ตามทุ่งนาบ้าง ตามแม่น้ำบ้าง หรือตามผืนป่าบ้างยิ่งมีผีอี่ฮุงลงมากินน้ำหลายตัว ผู้คนบางท้องถิ่นบอกกล่าวกันว่า ระวังน้ำจะท่วม ผู้คนที่อยู่ใกล้แม่น้ำลำห้วยต้องระวัง

 

 

 

 

 

 

 

 แอบมาทบทวนเรื่องเล่าแห่งสายฝน

แต่ใจก็วกวนนึกถึงเรื่องราว

ที่อาจเกี่ยวเนื่องด้วยฝนอีกเช่นกัน

อย่างช่วยไม่ได้

 

 

 

 

 

รื้นรื้น...อีกแล้ว
เพียงผาดแผ่วละอองไอ...สายฝน
รินล้นทำนบน้อยค่อย...ไหลปน
หยดน้ำ...หยาดฝน...หล่นโปรย

 

 

                                                       ลมไหวปลิวใบหญ้า

                                                        ฝนจากฟ้ามาสู่ดิน
                                                       
หยาดฟ้าดาไหลริน

                                                   โลมผิวผินเหน็บหนาวใจ

 

 

 

 

 

 

 

 

 เพลงนี้เป็นเพลงที่เกี่ยวข้องกับสายฝนที่ชอบมากๆเพลงหนึ่ง

แต่วันนี้ใยฟังไม่ได้ก็ไม่รู้

ไม่เข้าใจ ไงซะพรุ่งนี้ก็หวังว่าจะฟังได้

 

 ฝน : เบิร์ดกะฮาร์ท[Byrd&Heart]

อยากจะลืม ใครซักคน เมื่อหยาดฝนพร่างพรหมพริ้วมา
สายน้ำที่ร่วงหล่น ปนเคล้าหยาดน้ำตา
กลับไปคิดถึงครา แรกที่เราพบกัน

มรสุมที่หาดสีทอง นำเราสองให้ปองรักกัน
ฟ้าคำรามเธอกลัว ตัวของเราหนาวสั่น
สื่อดวงตาสัมพันธ์ อบอุ่นพลันสองเรา

ความ รักเราเคยสดชื่น แล้วใยแปรเป็นอื่น
เหลือเพียงความขื่นขม ระทมเมื่อลมพายุพาฝนมา
เธอไม่ยอม บอกเหตุผลใดๆ ปล่อยฉันไว้กลางฝน

ความ รักเราเคยสดชื่น แล้วใยแปรเป็นอื่น
เหลือเพียงความขื่นขม ระทมเมื่อลมพายุพาฝนมา
เธอไม่ยอม บอกเหตุผลใดๆ ปล่อยฉันไว้กลางฝน

มาบัดนี้ ยามฟ้าสีหม่น ราวกับดลให้ตรมฤทัย
รู้เป็นเพียงอากาศ แต่ไม่อาจห้ามใจ
อยากมีเธอชิดใกล้ แต่เธอคงไม่คืน [ ที่เธอลาฉันไป ]
แต่เธอคงไม่คืน [ ที่เธอลาฉันไป ]
ที่เธอลาฉันไป…

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เจ้าของไดอารี่

กำลังทำอะไรอยู่
ไม่ได้อัพเดทสถานะมาช่วงหนึ่งแล้ว
834 วันที่ผ่านมา

สายน้ำและความทรงจำ
ความสนใจ:
เพลง, หนังสือ, ท่องเที่ยว, นิยาย/งานเขียน
<<มิถุนายน 2556>>
อา. จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส.
      1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30

สถิติผู้เยี่ยมชม

ผู้เยี่ยมชมวันนี้ 19 คน
ผู้เยี่ยมชมทั้งหมด 213,679

ไดอารี่เพื่อนบ้าน

สายน้ำและความทรงจำ ยังไม่มีไดอารี่เพื่อนบ้าน

อัลบัมโหวตของ สายน้ำและความทรงจำ

สายน้ำและความทรงจำ ยังไม่มีอัลบัมโหวต

ไดอารี่ที่อัพเดทล่าสุด

โดย พงษ์ศักดิ์ หิรัญเขต
สายน้ำ กาลเวลา ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่เหมือนความรู้สึกในใจ ไม่ว่านานเท่าใด ยังอยู่ในใจเสมอ
';