ที่ต้องทำแบบนี้น่ะ..ไม่ใช่เพราะหนีปัญหาหรอกนะ
แต่สิ่งที่เคยประสบมาน่ะ..มันทำให้รู้ว่าอย่าพูดดีกว่า
อย่าได้น้อยใจ..อย่าได้คิดเล็กคิดน้อยว่าตัวเองไม่สำคัญใช่ไหมถึงไม่บอกกันน่ะ..เปล่าเลย
แต่เรื่องบางเรื่องน่ะ..มุมมองความคิดมันต่างกัน
ฉันเชื่อว่าถ้าฉันบอกเธอไปแล้ว..เธอไม่เข้าใจหรอก..และเธออาจจะดูถูกความคิดฉัน..มองฉันเป็นคนโง่งี่เง่าปัญญาอ่อนไปเลยล่ะ..ทำไมฉันถึงมั่นใจน่ะเหรอ..ก็เพราะมันเคยเกิดกรณีแบบนี้มาแล้วน่ะสิ..
ตอนนั้น..ฉันอายจนกว่าจะพูดออกมาเพราะเหตุผลปัญญาอ่อนที่ฉันมีในใจ..แต่เธอก็รบเร้าฉันให้ฉันพูดมันออกมา..ขอแค่พูด..เธออยากรู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่..ตอนนั้นฉันอึดอัดและกระดากอายมาก..แต่ด้วยความที่ฉันกลัวเธอจะน้อยใจหรือคิดเป็นอื่นว่าฉันไม่ไว้ใจ..ฉันเลยพูดสิ่งนั้นออกมาจนได้
แล้วยังไงน่ะเหรอ..มันก็ทำให้ฉันรู้ว่า..ฉันตัดสินใจผิดน่ะสิ
สิ่งที่ฉันกลัวมันก็เกิดขึ้นจริงๆ..เธอมองฉันโง่งี่เง่าสิ้นดี
และตอนนี้มันก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันบอกเธอไม่ได้อีกแล้ว..ฉันมีเหตุผลประหลาดๆพิลึกพิลั่นของฉันอีกแล้ว
แต่จริงๆมันมีเหตุผลสวยหรูที่มารองรับต่างๆนานาเลยนะ
ซึ่งถ้าฉันเอาเหตุผลพวกนั้นมาพูดมันก็จะดีมาก..ทุกอย่างมันจะผ่านไปโดยไม่ติดขัดอะไร..เธอสบายใจ..และฉันก็จะรอดพ้นจากการเป็นคนงี่เง่าปัญญาอ่อนแบบนั้นด้วย..มันทำให้ฉันดูดีในสายตาเธอเลยล่ะ
แต่เพราะไม่อยากโกหกไง..ถึงทำตัวเองต้องตกที่นั่งลำบาก
ต้องคอยหลบหน้า..เลี่ยงที่จะพูดคุย..และตื่นกลัวว่าจะถูกจุดประเด็นนั้นขึ้นมาอีกเมื่อไหร่
จำได้เลยว่าวันนั้นฉันทำอะไรเอาไว้..พอถูกถามถึงสาเหตุ..ซึ่งก็นั่นแหละ..ก็เพราะเหตุผลพิลึกพิลั่นพรรณนั้นของฉันไง..เลยเลือกที่จะตัดขาดการติดต่อ..ปิดเครื่องมือสื่อสารที่จะทำให้ตัวเองลำบากใจ..ไงล่ะอย่างงี้เรียกว่าหนีไหม..โอเคจะเรียกแบบนั้นก็ได้..แต่ฉันบอกตัวเองว่ามันคือวิธีการตัดปัญหา..ก็จะได้ไม่ต้องบอกเหตุผลงี่เง่าของตัวเอง..เหตุผลที่เธอจะมองฉันเป็นตัวประหลาด..และอีกอย่างก็คือฉันก็จะไม่ต้องโกหกด้วยไงล่ะ
แต่ดูฉันตอนนี้สิ..เหมือนคนบ้าที่วิ่งหนีเงาตัวเองเลยล่ะ
ต้องมานั่งหวาดระแวงว่าจะเจอแจ็คพอตให้ตอบคำถามนั้นอีกเมื่อไหร่ Lol