วันนี้เราจะมาชวนคิด - ชวนคุยกัน วันนี้ตรงกับวันเสาร์และเป็นวันที่ 2 ของเทศกาลกิน เจ วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม 2559 ยังเหลือหนทางอีกยาวไกล(หลายวัน)จากประสบการณ์ที่เคยถือศีล เจ มาก่อน ในครั้งแรก ๆ และวันแรก ๆ นั้นรู้สึกมีความสุขอย่างแปลกประหลาดความสุขที่เกิดจากใจที่ได้เริ่มถือ อุโบสถศีล เจ แม้ว่าจะเป็นระยะเวลาช่วงสั้น ๆ แต่นี่คือ บททดสอบอันยิ่งยวดเชียวน่ะเพราะอะไรจึงเรียกว่าบทดสอบ อันยิ่งยวดคำตอบก็คือ เราจะเอาชนะตัวเราเองได้หรือเปล่า ? และนอกจากนี้เรื่องราวของการกิน เจ มีหลายตำนานแต่เราจะไม่พูดถึงในส่วน
นั้นเรากำลังจะพูดถึงการปฏิบัติตัวในการกิน เจสำรวมระวังทวารทั้ง 6 สิ่งที่มากระทบทาง ตา หู ลิ้น จมูก ตาเห็นอะไรก็สวย หูได้ยินอะไรก็ไพเราะ จมูกได้กลิ่นอะไรก็หอม แต่ก็นั่นแหละ ลิ้นได้ ลิ้มรสอะไรก็อร่อย ความจริงมันอร่อยเพียงชั่วคราวแต่พอผ่านลงไปในกะเพาะอาหารแล้วกลายเป็นอะไรคนเรามักมีความเคยชินเป็นหลักและมักจะทำอะไรตามความเคยชินวันแรก ๆ ก็กลัวเผลอบ้างก็เพราะความเคยชินอีกนั่นแหละ เพราะฉะนั้นในระหว่าง 10 วันนี้ต้องสำรวม
กาย วาจาใจ อย่างเต็มที่ใครที่ยังไม่เคยถือ ศีลเจ อาจจะยังไม่รู้ว่าการกิน เจ มีความสำคัญอย่างไรบ้างก็มีกิน เจ ตามกระแสเห็นคนอื่นกิน เจ ก็อยากกินตามเขานั่นเขาเรียกว่ากิน เจ ตามกระแส อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่เรื่องราวเกี่ยวกับเทศกาลกิน เจ นั้นใคร ๆ เขาก็ POST ให้อ่านกันหมดแล้ว แต่ยังไม่มีใครเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเทศกาล กิน เจ จากประสบการณ์โดยตรงประการสำคัญถ้าหากว่าร่างกายและจิตใจไม่พร้อมก็อย่าเพิ่งกิน เจ เลยจะดีกว่า
หมายเหตุ......ผมได้ถ่ายภาพบรรยากาศเทศกาลกิน เจ ปี 2559 ไปดูได้ที่ห้องล้างรูปน่ะครับ
การกิน เจ ก็คือการฝึกฝนตนเองทั้งกาย วาจา และใจ ด้วยเพราะประโยชน์ของการกิน เจ นอกจากจะเป็นการชำระกายที่ละเว้นจากเนื้อสัตว์ทั้งหลายแล้ว ยังเป็นการชำระใจด้วยการหลีกห่างจาก - ราคะ - โทสะ - โมหะ - คือ ความโลภ โกรธ หลงอันเป็นอุปสรรคขวางกั้นแห่งการไปสู่ประตูแห่ง ธรรม เพราะฉะนั้นการกินเจที่ถูกต้องสมบูรณ์จึงต้องสำรวมกายและ วาจาให้บริสุทธิ์ไปพร้อม ๆ กับการละเว้นบริโภคเนื้อสัตว์ที่ถือเป็นการเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น ซึ่งการถือศีลกิน เจ เป็นกุศโลบายในการปลูกฝังวัฒนธรรม วิถีชีวิตที่อิงหลักคุณธรรมทางศาสนาให้ดำเนินชีวิตได้อย่างสันติสุข อันเป็นจุดหมายโดยแท้ของชีวิตนั้นเอง
ข้อคิดที่อยากจะฝากไว้.......ผู้ใดใฝ่หาความสุขเพื่อตนแต่กลับใช้ท่อนไม้ทำร้ายสัตว์ทั้งหลายผู้รักสุขผู้นั้นตายไปแล้วย่อมไม่ได้รับความสุขเลยส่วนผู้ใดใฝ่หาความสุขเพื่อตนไม่ใช้ท่อนไม้ทำร้ายสัตว์ทั้งหลายผู้รักสุขผู้นั้นตายไปแล้วย่อมได้รับความสุขการไม่กล่าวร้ายผู้อื่นและไม่เบียดเบียนผู้อื่นความสำรวมในปาติโมกข์ความเป็นผู้รู้จักประมาณในอาหารการอยู่ในเสนาสนะที่สงัดการประกอบความเพียรในอภิจิตนี้คือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย...จบ