วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2560 ไปทำธุระที่คลองถม 11.30 น.ออกจากบ้านนั่งรถมาถึงท่าพระจันทร์เดินเล่นที่ท่าพระจันทร์ ท่าช้าง ท่ามหาราช เลือกซื้อของนิดหน่อยแล้วต่อรถมาที่ถนน เจริญกรุง เดินไปเรื่อย ๆ ไม่รีบร้อนมากนัก มาถึงคลองถมเหนื่อยก็แวะพักกินก๋วยเตี๋ยวที่คลองถมแล้วเดินทะลุไปถนนพลับพลาไชย ประมาณ 16.00 น.แวะพัก
ที่ศาล ไต้ฮงกง สมัสการ อากง เห็น อาซิ้ม อาอึ้ม ใส่ชุดขาวในใจคิดว่าวันนี้ต้องมีอะไรพิเศษแน่ ๆ มาถึงบาง
อ้อก็ต่อเมื่อเจ้าที่ในศาลประกาศว่า ขบวนอัญเชิญเจ้า แม่ลิ้มกอเนี้ย มาถึงอ้อมน้อยแล้วในใจคิดว่าจะอยู่ได้ถึงขบวนอัญเชิญเจ้าแม่ลิ้มกอเนี้ยมาถึงหรือเปล่า ? น๊าเพราะว่าต้องรีบกลับบ้านกลัวไม่มีรถกลับบ้านก็คิดไปเดินไปเรื่อย ๆ เดินไปถ่ายภาพไปจนถึง มูลนิธิเทียนฟ้า กราบนมัสการ พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์แล้วก็นั่งพักสักครู่เห็นมีขบวนรถ ของมูลนิธิ ปอเต็กตึ้ง รอรับเจ้าแม่ลิ้มกอเนี้ย และได้ยินอีกว่า ขบวนเจ้าแม่ มาถึงย่านสะพานขาว ยมราชแล้ว ก่อนหน้านี้ไปเดินคลองถมอยู่พักใหญ่ นั่งพักที่ศาล พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ ได้ไม่นานขบวนรถเจ้าแม่ก็มา
ถึง เราก็เลยรีบหยิบกล้องขึ้นเตรียมตัวเต็มทีได้ภาพมา 4 - 5 ภาพเห็นจะได้มีการจุดประทัดต้อนรับเจ้าแม่ด้วยเสียงประทัดดังมากและมีสะเก็ดประทัดมาโดนที่ขาด้วยรู้สึกเจ็บ ๆ อะไรกันว่ะแต่ขณะนั้นก็ไม่คิดถึงชีวิตตัวเองแล้วขอให้ได้ภาพงาม ๆ เถอะจะตายก็ยอมว่ะ ขณะนั้น 5 โมงเย็นแล้วเห็นรถเมล์มาจึงตัดใจกระโดดขึ้นรถเดินทางกลับบ้านถึงบ้านเอา 19.00 น.กลับมาถึงบ้านล้างเท้าเสร็จก็รีบดูภาพที่ถ่ายมาได้มีตอนจุดประทัดควันโขมง นึกอยู่ในใจเวลาอยากได้ภาพงาม ๆ ไม่คำนึงถึงชีวิตเลย เอ้า...พับผ่าซิถ้าสมมุติประทัดเป็นระเบิดป่านนี้เน่าไปนานแล้วแต่นี่เป็นประทัด ได้ภาพมาโพสให้ดู 2 ภาพก่อนน่ะภาพที่ถ่ายมายอมแลกด้วยชีวิตเชียวน่ะ
หมายเหตุ.....ถ้าไม่รีบกลับบ้านคงได้ภาพมามากว่านี้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไว้จะเอาภาพให้ดูวันหลังน่ะคนอื่นเขาคงได้ภาพเยอะกว่าผมครับ
อกาลิโก อีกความหมายหนึ่ง คือไม่มีระหว่างคั่น เช่น มรรคจิตเกิดต่อด้วยผลจิต วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ แก้บท อกาลิโก นัยที่ ๑ แปลว่า ไม่มีกาล
ธรรมนั้น มุ่งการให้ผล หามีกาลไม่ เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่าอกาโล อกาลิโก ก็ อกาโล นั่นเอง มีอธิบายว่า ธรรมนั้น หาได้รอกาลอันต่างโดยการกำหนดมีปัญจาหะ ๕ วัน และสัปดาหะ ๗ วัน เป็นต้นให้ผลไม่ แต่ย่อมให้ผลติดต่อกันไปกับความเป็นไป ของตนทีเดียว
นัยที่ ๒ แปลว่า มิใช่ธรรมมีกาล
นัยหนึ่ง กาลในอันให้ผลแห่งธรรมนั้น ยังไกลที่จะถึง๓ เหตุนั้น ธรรมนั้น จึงชื่อว่า กาลิกะ ถามว่า ธรรมนั้นคืออะไร ตอบว่า ธรรมนั้น คือกุศลธรรมที่เป็นโลกิยะ ส่วนโลกุตตรธรรมนี้มิใช่กาลิกะ เพราะมีผลต่อเนื่องทันที เหตุนั้นจึงชื่อว่า อกาลิกะ บทว่า อกาลิโก นี้ ตรัสหมายเอามรรคเท่านั้น