*** คำเตือนก่อนอ่าน***
หากมีตัวหนังตัวสือ ตัวใดที่เขียนผิดเพี้ยงไป หรือก่อให้เกิดความหมายผิดไป
ผม ลูกชิ้น ต้องขอ กล่าวคำว่า ขอโทษครับ กับคุณผู้อ่านทุกท่านเป็นอย่างยิ่ง
*********************************************************************************
กิจวัตรประจำวัน ( 2 )
หลังจากที่เด็กทุกคนรีบจากเตียงนอน ก็รีบลง ไปล้างหน้า แปรงฟัน ทำกิจส่วนตัว จนเสร็จก็จะออกไปรอที่ลานสนามหน้าบ้าน เพื่อที่จะออกกำลังกาย พร้อมเพียงกันทุกคน โดยมีแม่บ้านที่ยังเดินมาพร้อมกับอาวุของท่าน เพื่อมาดูว่าเด็กคนไหนยังมาไม่ถึง แต่ส่วนใหญ่แล้ว ก็จะมาครบกันหมด เพราะว่าท่านสั่งให้นับเลขประจำตัวของ เด็กทุก โดยออกเสียงทีละคน เมื่อครบกันหมด ก็จะเริ่มออกกำลังกายทันที จากที่ออกกำลังกายเสร็จ ก็จะเริ่มแยกย้ายไปทำงานของเด็กแต่ละคน
ส่วนงาน ที่ได้รับจะแบ่งเป็นกลุ่ม มีทั้งหมด 5 กลุ่ม ตัวผมเองอยู่กลุ่มสุดท้าย คือกลุ่ม 5 ซึ่งแม่นี้แหละจะ มอบหมายงานให้แต่ละกลุ่มไปรับผิดชอบกันเอาเองโดยมีหัวหน้ากลุ่มแจ้งกับแม่ว่า สมาชิกในกลุ่มรับผิดชอบงานตรงไหน ในงานแต่ละกลุ่มจะไม่เหมือนกัน และอีกอย่างขึ้นอยู่กับความยากง่ายในแต่ละงานที่ทำอยู่เมื่อทำงานไม่เรียบร้อย ก็จะโดนลงโทษ โดยการหักเงินค่าขนม แต่ถ้าทำงานเรียบร้อยเสมอต้นเสมอปลาย ก็จะได้รางวัลคือ เพิ่มเงินค่าขนม ให้เป็นพิเศษ แล้วทุกๆ 1 เดือนแม่แก่ ก็จะมีการเปลี่ยนงานใหม่ให้ทำ เพื่อหวังไม่ให้เด็กเบื่อกับสิ่งที่ทำอยู่ทุกวัน บางที แม่แก่ ก็จะให้มีการจับฉลาดให้เด็กย้ายกลุ่ม เพื่อให้เรียนรู้การทำงานร่วมกับคนอื่นบ้างไม่ให้ซ้ำกับคนเก่า ถ้าให้มีการโหวดคะแนนว่างานไหนสบายสุดๆ ผมเชื่อเลย คำตอบคืองานทำความสะอาดบ้าน เพราะแม่แก่ไม่คอยตรวจงานเท่าไร มันใกล้ๆตา มากที่สุด
ส่วนเรื่องหุงหาอาหารนั้น ปล่อยเป็นหน้าทีของแม่ครัว ที่จะทำกับข้าวไว้ให้ซึ่งจะทำกับข้าวไว้ให้ทั้งหมด 3 มื้อ ยกเว้นกรณี ที่มีแขกนำกับข้าวมาเลี้ยงเอง และวันที่เด็กไปโรงเรียน มื้อกลางวันจึงไม่ต้องทำ อาหารที่ทำนั้น ขึ้นอยู่ความเหมาะสม ในแต่ละมื้อ อย่างตอนเช้า เป็นอาหารที่เบา เช่น ข้าวต้มหมู-ไก่ ไข่เจี้ยว ต้มจืด เป็นต้น ส่วนในมื้อกลางวัน ส่วนใหญ่เป็นอาจานเดียว ข้าวผัด ราดหน้า ผัดซี้อิ้ว ผัดกระเพาะกับไข่ดาว เป็นต้น และส่วนตอนเย็นจะพิเศษน้อย มีกับข้าวตั้ง 2 อย่างไม่ว่าจะเป็น แกงส้มกับปลาเค็มทอด หรือ น้ำพริกกะปิ กับปลาทูและต้มจืดฟักไก่ แล้วในบางครั้งก็จะมีของหวานให้ เช่น กล้วยบวชชี สาคูเปรีบกลำไย เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีผลไม้ให้กิน ได้แก่ เงาะ ส้ม แตกโม และลำไย เป็นต้น (นึกถึงกับข้าวสถานสงเคราะห์ทีไรก็อยากย้อนไปกินอีกที โดยเฉพาะ ข้าวต้มหมู และผักกระเพาะหน่อไม้ปลาหมึก-หอยแมลงภู่ พร้อมกับไข่ดาวสุขๆแต่ไม่เอากรอบ เถอะ อยากกิน)
อ้อเกือบลืมบอกไป เวลาที่แม่ครัวทำกับข้าวเสร็จแล้วในแต่ ละมื้อแม่ครัวจะตีระฆัง เต้นๆๆๆๆๆๆๆ เต็นเป็นสัญญาให้ไปรับอาหารได้เลย (การตีระฆังจะไม่เหมือนกับ ยามที่ตีบอกเวลา ) ฉะนั้นเวลาที่ใกล้กินอาหารต้องคอยฟังเสียงระฆังจากแม่ครัวดีๆ เด็กที่มีหน้าทีก็จะรีบไปรับอาหารที่ทำไว้ หากเลยเวลาชั่วโมงกว่าๆไม่รับก็จะให้คนไปตามที่บ้าน ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านที่อยู่ไกลน้อยหน่อย
ส่วนบ้านผมเองอยู่ใกล้กับโรงครัวมากกว่าบ้านอื่นๆ จึงได้ยินเสียงระฆังได้ชัดเจนบางที่ก็โดนว่าได้ เพราะมีคนชอบแอบเล่นพิเรน คือแอบไปตีระฆังของแม่ครัว โดยอาศัยช่วงที่แม่ครัวเข้าห้องน้ำ แล้วตีระฆังเลยทำให้คนที่มาเอาอาหารมาโดนว่าแทน แม่ครัวก็ออกมาบอก ฉันยังไม่ได้ตีระฆังเรียกพวกเธอ ที่ยังงี้หูดีกันเชียว ตอนให้มาเอา ไม่มาเอา กลับไปก่อนไป อาหารยังทำไม่เสร็จ ส่งสารคนที่เดินมาไกล อุตสา ตั้งใจมาเอาอาหารแท้ๆ กลับมาโดนแม่ครัวต่อว่าซะงั้น พวกที่แกล้ง ก็มานั่งหัวเราะ(ทำกันได้)
เวลาจะไปโรงเรียน ก็จะมีรถมารับ (เป็นรถสองแถว) ในเวลา 07.40 น. ซึ่งแม่บ้าน ก็จะแจกเบี้ยเลี้ยง (เงินค่าขนม) อ้อ มีคำถามอยู่พอดี คุณผู้อ่านพอจะรู้มั่ยครับว่าเด็กในสถานสงเคราะห์ ได้เงินค่าขนมคนละเท่าไร อยากให้ลองตอบดู...............ตอบไม่ได้ไม่เป็นไร ให้โอกาสเดาแล้วกัน.................................................แล้วเจอกันในกิจวัตรประจำวัน (3)
********************************************************************************
โปรดติดตามอ่านสถานสงเคราะห์...บ้านเกิด..ผม ได้ใน วันอาทิตย์ ที่ 11 ธันวาคม 54
หมายเหตุ อาจจะมีการเปลียนแปลได้ตามวันเวลาที่เหมาะสม เพราะอาศัยเล่นเน็ตจากคนข้างบ้าน นะครับ
ผม ลูกชิ้น สวัสดีครับ บ๊ายๆ...บ๊ายๆๆ คุณผู้อ่าน