หยิบของเก่า ๆ มาดูเล่น ๆ ละคือไปเจอโน้ตอันนึงที่เขียนไว้
เวลาผ่านไปเร็วนะมึง แต่ก็รู้สึกเหมือนนานแต่ความจริงก็ไม่นานขนาดนั้นอ่ะ เนี่ยเหตุผลที่เราต้องจดไทม์ไลน์เพราะบางทีความทรงจำมันบิดเบือนอ่ะ เรามักเลือกจำสิ่งที่เราอยากจำและเลือกทิ้งบางสิ่งไว้ข้างหลัง
จนแบบบางทีก็คิดนะว่าตอนนั้นเรารู้จักกันมากกว่านี้มันจะเป็นยังไง แล้วถ้าเราเลือกที่จะคีฟกันและกันไว้มันจะเป็นยังไงผลลัพธ์มันจะยังเหมือนตอนนี้อยู่มั้ย
บางทีมันอาจจะเวิร์ค
หรืออาจจะไม่ก็ได้
เอาจริงพอโตขึ้นอะไร ๆ หลายอย่างก็เปลี่ยนอ่ะ เหมือนถูกดึงออกจากนิยายชวนเพ้อฝันวัยเด็กที่เรามักได้ยินจากพวกผู้ใหญ่ จนวันนี้ เมื่อเราโตขึ้น เหมือนถูกปลุกให้ตื่นจากความฝันอันแสนหวานที่ถูกแต่งแต้มขึ้น
14 กุมภาพันธ์ จากที่เมื่อก่อนฉันมักจะตื่นเต้นกับช็อกโกแลต ลูกอม ดอกกุหลาบ ของขวัญ แต่ปีนี้มันกลับเป็นเพียงวันธรรมดา ๆ ที่ราบเรียบเสียจนไม่มีอะไรเป็นพิเศษ อาจจะเรียกได้ว่าธรรมดาเกินไปก็ได้ นอนอยู่ในห้องทำงาน ดูหนัง กินข้าว บางทีเรื่องเงินมันก็แวบขึ้นมาในหัว ไม่ใช่เพราะขยันทำงาน แต่ต้องทำเพราะสภาพวัง เศรษฐกิจมันบีบบังคับ ไม่ทำก็ไม่มีกิน เรื่องธรรมดาและวันธรรมดาของชนชั้นรากหญ้า ที่บางครั้งก็หลงไปกับเรื่องในจินตนาการ เมื่อตัวเองเสพเข้าไปผ่านการนำเสนอของชนชั้นนายทุน เราทำงานมาเพื่อจ่ายเงินให้ชนชั้นอีลีท ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันแทบจะกลายเป็นวังวนไม่จบไม่สิ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้จบผ่านมากจากยุคสู่ยุค
14 กุมภา
ไม่มีกุหลาบ ดอกไม้ ไม่มีช็อกโกแลต
ไม่มีตุ๊กตาตัวโก้ ไม่มีขนมหวานแสนอร่อย
ไม่มีชายหนุ่มรูปงาม ไม่มีหญิงสาวในฝัน
ไม่มีเขา ไม่มีใคร ไม่มีเลย ..แม้แต่เงา
มีเพียงแค่คุณ คุณเท่านั้นที่จะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ
หมายถึงมีแค่ตัวคุณเองเท่านั้นที่จะอยู่กับคุณเสมอ
ฉะนั้นรักตัวเองเยอะ ๆ นะ
แล้วก็อย่ายึดติด ทิ้งบางอย่างไว้ข้างหลังนั่นแหละ เปิดรับทุกโอกาสที่จะเข้ามา
อย่ากลัวที่จะเริ่มต้น ไม่ต้องกลัวที่จะผิดพลาดแค่เผชิญหน้ากับมัน
บางสักคุณอาจจะเจ็บหนัก แต่เชื่อสิมันดีขึ้นได้แน่นอน :)